มาขายตัวกัน x Maho Rasop Festival
By BrandThink

มาขายตัวกัน x Maho Rasop Festival

  • monitoring101/100 STORY
  • event05.11.22
  • person_add100
  • visibility3,037
  • favorite6

ในเวลาที่คนส่วนใหญ่มีมากกว่าหนึ่งตัวตนบนโลกโซเซียล และมีมากกว่าหนึ่งอาชีพในโลกของการทำงาน Thinkster อยากจะชวนทุกคน ‘มาขายตัวกัน’ 
ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ของตัวเอง (เสื้อผ้า, กระเป๋า, เครื่องประดับ, รองเท้า, ร้านอาหาร, ร้านคาเฟ่, สติ๊กเกอร์ไลน์, ภาพ NFT ฯลฯ) อาชีพเสริม (เล่นดนตรี, กราฟิก, เขียนบทความ, ตัดต่อวิดีโอ, ช่างสัก ฯลฯ) 
สกิลความสามารถพิเศษ (วาดภาพ, แกะสลัก, แต่งเพลง, พากย์เสียง, เขียนโปรแกรม, เขียนเว็บไซต์ ฯลฯ) 
ชาแนลของตัวเอง (Facebook, YouTube, TikTok ฯลฯ) 
หรืออะไรก็ได้ที่อยากนำเสนอ Thinkster ก็พร้อมสนับสนุน

Thinkster & Maho Rasop Festival ชวนทุกคน ‘มาขายตัวกัน’
โดยนำเสนอผ่านภาพตัวเอง สิ่งที่ทำ พร้อมคำอธิบายที่อยากขายแบบตะโกน

ตัวตนและผลงานที่น่าสนใจ 5 ผลงานจะได้รับ

  • การเผยแพร่ลงช่องทางของ BrandThink ที่มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 80,000 บาท
  • บัตรเข้าร่วมงานมหกรรมดนตรีแห่งปี Maho Rasop Festival จำนวน 5 รางวัล รางวัลละ 2 ใบ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 38,900 บาท

รางวัลมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 118,900 บาท


เพื่อเปิดพื้นที่ให้คุณได้มาโปรโมทตัวตนและผลงาน ผ่าน Thinkster พื้นที่ของนักสร้างสรรค์ เพื่อการเปลี่ยนแปลง

จำนวนผลงานที่เข้าร่วมแคมเปญ 100 ผลงาน

กติกา

  • ทุกคนที่ Join Campaign จะต้องส่งผลงานในรูปแบบภาพพร้อมคำบรรยาย อธิบายสิ่งที่ตัวเองทำหรืออยากขาย
  • ผลงานหรือสิ่งที่ทำจะต้องสร้างสรรค์ด้วยตนเอง ไม่คัดลอกผลงานของผู้อื่น
  • ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการเข้าร่วม (สามารถส่งผลงานได้มากกว่า 1 ครั้ง)
  • ร่วมส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 16 พฤศจิกายน 2565  และประกาศผลผู้ชนะในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 บนเว็บไซต์ Thinkster (ยืนยันสิทธิ์ภายใน 24 ชั่วโมง)

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Inbox: BrandThink

แจกบัตร Maho Rasop Festival ฟรี! จำนวน 10 ใบ!

แค่มาขายตัวกันมาโชว์ตัวตนที่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นอาชีพเสริม งานฝิ่น แบรนด์ที่ทำ ชาแนลที่สร้าง สกิลที่มี (หรือใครจะเอาความโสดมาเปิดขายก็ได้นะ) Thinkster เปิดท้ายให้มาขายได้เต็มที่

วิธีเข้าร่วมส่งผลงาน

  1. สามารถเข้าร่วมแคมเปญได้ที่ https://thinkster.co/campaign/ma-khai-tua-kan-x-maho-rasop-festiva
  2. Sign up หรือ Sign in เข้าระบบให้เรียบร้อย
  3. มองหาคำว่า Join Campaign
  4. กรอกข้อมูลที่แคมเปญนั้นๆ ต้องการให้ครบ แล้วกดPublish แบ่งปันความคิดให้โลกเห็นทันที หรือกด Preview เพื่อเช็กก่อนแชร์ก็ได้

HOW TO JOIN THINKSTER

ส่องคนมีดีที่อยากขายตัว จากบ้าน BrandThink

แจกบัตรงาน Maho Rasop Festival ฟรี

เพียงเข้าร่วมแคมเปญ ‘มาขายตัวกัน x Maho Rasop Festival’ 

แคมเปญที่จะชวนทุกคน ‘มาขายตัวกัน’ โดยนำเสนอเรื่องราวของตัวเองผ่านภาพของ สิ่งที่เราทำ หรือ สิ่งที่เราเป็น พร้อมคำอธิบายที่อยากขายแบบตะโกน ไม่ว่าจะเป็น

  • ขายแบรนด์ของตัวเอง
  • ขายสกิลความสามารถพิเศษที่มี 
  • ขายชาแนลของตัวเอง
  • ขายความเป็นตัวเอง
  • ขายอะไรก็ได้ที่อยากนำเสนอ

สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่าจะขายอะไร วันนี้เราจะพามาดูตัวอย่าง การ #ขายตัว จากสมาชิกในบ้าน BrandThink กัน 

  • ชัยยะ – ชัยยะ
  • หนูนา – เมมเต็มทุกทริป 
  • อิส – อิส 

อ่านแล้วได้ไอเดียอะไรก็ลองมาขายกันดู!

ชัยยะ – ชัยยะ

เปา – ชัยยะ ฤดีนิยมวุฒิ นักเขียนหนังสือและคอนเทนต์ครีเอเตอร์ นามปากกา ‘ชัยยะ’
รองบรรณาธิการ เพจ BrandThink และผู้ดูแลเพจ MOODY 

Q: เล่าถึงสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้ให้ฟังหน่อย

A: ถ้างานประจำก็จะเป็นรองบรรณาธิการของเพจ Brandthink ถ้าดูย่อยๆ ลงไปก็จะมีเพจ MOODY ที่เราดูแลด้วยครับ แล้วส่วนตัวก็จะมีพวกงานเขียนตามที่ต่างๆ นิดหน่อย 

Q: นอกจากการเป็นบรรณาธิการเพจ Brandthink แล้วยังมีอะไรที่อยากจะขายหรือภูมิใจนำเสนอบ้างไหม?

A: แรกๆ ก็มีฝึกงานพวกนิตยสาร ความฝันแรกเลยคืออยากทำงานนิตยสาร ก็ฝึกงานนิตยสารท่องเที่ยว นิตยสารการตลาด แล้วก็อยากลองเขียนงานเอง แต่ว่าไม่รู้ว่าจะเขียนไปที่ไหน ก็เลยทำเพจขึ้นมาชื่อว่า ‘ชัยยะ’ เป็นชื่อตัวเอง แล้วก็เขียนงานลงไปในนั้นเรื่อยๆ เพราะมองว่ามันจะเป็นพอร์ตเราได้ ก็เขียนงานในนั้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเพจมันก็โตในระดับหนึ่ง ก็มี สนพ. มาชวนไปเขียนหนังสือ จนได้ปัจจุบันมี 2 เล่มแล้วก็คือ ‘ความรู้สึกที่ยังไม่มีบทสรุป’ และ ‘จงเป็นเราในแบบของเราไม่ใช่แบบที่เขาอยากให้เป็น’ และใช้เพจนั้นเป็นพอร์ตในการสมัครเข้าทำงานที่ต่างๆ  

Q: ความประทับใจในสิ่งที่ทำ

A: เรารู้สึกตัวเองว่าโชคดีที่ได้ทำงานที่ตัวเองถนัด ที่ตัวเองชอบ แล้วก็รู้สึกเอาเองนะ ว่างานที่เราทำมันมีประโยชน์กับคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อย แล้วมันเป็นงานที่เราได้เงินด้วย ก็ค่อนข้างมีความสุขมากที่สิ่งที่เราทำมันตอบโจทย์ทั้งสามแกนได้ 

Q: ถ้าให้นิยามตัวเอง จะนิยามว่าเราเป็นใคร

A: ถ้าในแง่ของการทำงานก็เรียกง่ายๆ ว่าเป็นนักเขียน หรือว่าจะคำทั่วไปอย่าง ครีเอเตอร์ ครีเอทีฟ ก็นับว่าเป็นงานของเรา แต่จริงๆ ก็ทำทุกอย่าง พอดแคสต์ คิดงาน อีเวนต์ งานเขียน งานโฆษณา ก็ค่อนข้างทำทุกอย่างในสายงาน

Q: ถ้าเปรียบตัวเองเป็นสินค้า คิดว่าสิ่งที่ทำให้คนอื่นต้องซื้อคืออะไร

A: จุดเด่นของเราคือเรื่องความคิด เหมือนครีเอทีฟทั่วไปแหละ แต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เรามีเฉยๆ ถ้าเทียบกับฮาร์ดสกิลด้านอื่นๆ ซึ่งเราอยู่กับความคิดค่อนข้างเยอะ คิดเกี่ยวกับเรื่องงาน เรื่องชีวิต แล้วก็เรื่องคน มีไอเดียอยู่ตลอด ส่วนไอเดียจะเวิร์คไม่เวิร์คมันก็อีกเรื่อง 

แท็กไลน์ประจำตัว: ทำงานดี เหมือนกระดี่ได้น้ำ

หนูนา – เมมเต็มทุกทริป

หนูนา – ชนัญชิดา สุดอำพัน ครีเอเตอร์เจ้าของเพจท่องเที่ยว ‘เมมเต็มทุกทริป’
และ Sales Manager แห่ง BrandThink

Q: เล่าถึงสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้ให้ฟังหน่อย

A: ปัจจุบันเป็น Sales Manager อยู่ที่ Brandthink และเป็น อินฟลูเอนเซอร์ทำเพจท่องเที่ยว ชื่อเพจเมมเต็มทุกทริป 

Q: อยากให้เล่าจุดตั้งต้นว่ามาทำสิ่งนี้ได้ยังไง

A: เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของผู้คนในชีวิตของการทำงานหรือแบบรุ่นพี่ที่มาเล่าประสบการณ์ในการทำงาน รู้สึกว่า งานขายโฆษณา AE Sales เนี่ยแหละคืองานที่เราอยากทำ ด้วยความที่ชอบคุยกับคน ชอบพบปะผู้คนใหม่ๆ แล้วก็รู้สึกว่าเราโชคดีจัง ที่ค้นพบตัวเองได้เร็วตั้งแต่เริ่มต้นของชีวิตการทำงานเลย 

Q: นอกจากการเป็น AE Sales แล้วยังมีอะไรที่อยากจะขายหรือภูมิใจนำเสนอบ้างไหม?

A: เรามีไลฟ์สไตล์ที่ชอบท่องเที่ยว ชอบเดินทาง ชอบหาสถานที่เที่ยวใหม่ๆ ชอบถ่ายรูป จนเป็นที่มาของการเปิดเพจ ‘เม็มเต็มทุกทริป’ เพจไลฟสไตล์สไตล์เรา ที่จะพาไปเที่ยวเปิดมุมมองใหม่ๆ ที่เราอยากไป คิดว่าน่าสนใจ มาแนะนำกับทุกคน

Q: ความประทับใจในสิ่งที่ทำ

A: ทั้งสองงานมันมีแพชชั่นและความประทับใจเหมือนกันเลย เพราะว่างานที่ทำทั้งงานประจำและงานอดิเรกมันก็คล้ายๆ กัน อาจจะต่างกันตรงที่ว่า งานอดิเรกมันอาจจะได้ไปเที่ยวด้วย แต่ว่าทั้งสองอย่างก็ใช้สกิลในการขายเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อ ประสานงานกับลูกค้า หรือการค้นหาอะไรใหม่ๆ 

Q: ถ้าให้นิยามตัวเอง จะนิยามว่าเราเป็นใคร

A: แน่นอนว่าเราคือนักขายที่สามารถเป็นอินฟลูเอนเซอร์ได้ด้วย การทำเพจ ‘เมมเต็มทุกทริป’ เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้ใช้สกิลงานขาย ได้ใช้ทักษะ ความรู้ ความสามารถที่มี ที่ทำให้เรามีรายได้ทั้งงานประจำและงานอดิเรกของเรา

Q: ถ้าเปรียบตัวเองเป็นสินค้า คิดว่าสิ่งที่ทำให้คนอื่นต้องซื้อคืออะไร

A: Personal Branding ของเราเอง ถ้าถามว่าทำไมลูกค้าหรือแบรนด์ ถึงเลือกเพจเมมเต็มทุกทริป ก็แน่นอนว่าเลือกเพราะว่ามันเป็นเราและไลฟ์สไตล์ของเรานี่แหละ 

แท็กไลน์ประจำตัว: เมมเต็มทุกทริป

อิส – อิส

อิส – อิสริยะ วิชิตเนติศาสตร์ ฟรีแลนซ์ครีเอทีฟและนักเขียนออนไลน์
Creative Content Creator แห่งบ้าน BrandThink และ Thinkster

Q: เล่าถึงสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้ให้ฟังหน่อย

A: ปัจจุบันตอนนี้ก็เป็นครีเอเตอร์ ครีเอทีฟ นักเขียน ทำงานประจำให้กับ BrandThink แล้วก็รับฟรีแลนซ์ตามความสามารถที่มี แล้วแต่คนจะจ้างให้ทำอะไร แต่ส่วนใหญ่ก็จะจ้างให้เป็นนักเขียนหรือครีเอทีฟนี่แหละ

Q: นอกจากการเป็น ครีเอเตอร์ แล้วยังมีอะไรที่อยากจะขายหรือภูมิใจนำเสนอบ้างไหม?

A: ต้องเริ่มเล่าจากเราเห็นความสามารถตัวเองในการคิดและเขียน เลยลองสมัครงานเป็นครีเอทีฟของบล็อกเกอร์เพจหนึ่ง แล้วพอได้งานนั้นก็เก็บสะสมประสบการณ์ ย้ายสายงานมาทำด้านสำนักข่าว เพจต่างๆ ทำมาเรื่อยๆ จนประสบการณ์เหล่านั้นก็เป็นพอร์ตให้เราต่อยอดทำงานอื่นๆ ได้

Q: ความประทับใจในสิ่งที่ทำ

A: เราค่อนข้างรู้สึกว่าสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ ในแง่ของการทำงาน มันค่อนข้างตอบโจทย์ความหมายของชีวิตตัวเราเองได้ดี เราอยากทำงานที่ได้ใช้ความสามารถในสิ่งที่ตนเองถนัดอย่างเต็มที่ มีพื้นที่ให้เราสร้างสรรค์และปล่อยของ สิ่งที่เราทำมีความหมายในการเปลี่ยนแปลงสังคมได้บ้าง ซึ่งตอนนี้ก็รู้สึกว่าตอบโจทย์ที่ต้องการได้ทั้งหมด

Q: ถ้าให้นิยามตัวเอง จะนิยามว่าเราเป็นใคร

A: เราว่าเราเป็นผู้เล่นสายซัพพอร์ตเตอร์ ทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เราอาจจะไม่ได้เป็นแอสซาซินที่เก่งและโดดเด่นขนาดนั้น ไม่ได้แข็งแกร่งจนไปแทงค์ใครไหว แต่เรามีสกิลการทำงานและสกิลชีวิตที่ซัพพอร์ตคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี

Q: ถ้าเปรียบตัวเองเป็นสินค้า คิดว่าสิ่งที่ทำให้คนอื่นต้องซื้อคืออะไร

A: การให้บริการแบบร้านอาหารตามสั่ง คือเราเป็นครีเอทีฟและนักเขียนตามสั่ง ลูกค้าอยากได้อะไร มีความต้องการของตนเองมาเป็นแบบไหน ก็สามารถคัสตอมคุยกับเราได้ทุกอย่างตามรสนิยมความชอบ แล้วเราก็จะใช้ความสามารถของเราที่มีในการปรุงผลงานไปเสิร์ฟให้เขา

แท็กไลน์ประจำตัว: รุก ไซร้ ชัก ไม่รีบ (ทำงานแบบเชิงรุก, ซักไซร้จนกว่าจะได้ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า, ไม่ชักสีหน้า, ไม่รีบทำงานให้เสร็จไปวันๆ แต่ทำงานเต็มที่ตามเดดไลน์)

โอกาสสุดท้ายย!!! มาขายตัวชิงตั๋วไป Maho Rasop Festival กัน

วันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 นี้จะหมดเขตส่งผลงานแคมเปญมาขายตัวกัน x  Maho Rasop” แล้ววว
เร่เข้ามา~ อย่ารอช้าโอกาสไปคอนฯ ฟรีแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย

ปิดก่อนไม่รอแล้วน้าาา~ ขอบคุณทุกคนที่เข้า ‘มาขายตัวกัน’

ใครส่งมาแล้วก็วอร์มขากันให้ดี วอร์มเสียงกันให้พร้อม เตรียมโยกไปพร้อมกันที่หน้าเวที Maho Rasop Festival 

ประกาศผลกันไว้ให้ดี วันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 

ที่บนเว็บไซต์และ Page: Thinkster เท่านั้น

คนมีของต้องลองดีที่ Thinkster 

5 ยอดนักขายตัวดีเด่นประจำงานนี้ได้แก่…

  • Foogikarat
  • Kaimook Prawena
  • SORUMEO
  • BenjaminTrai
  • Nutnicha P

ทั้งหมดนี้คือผู้ที่ได้รับเลือกจากทีมงาน (Staff Pick) ยินดีกับทั้ง 5 นักขาย! 

ผู้ได้รับรางวัลสามารถยืนยันสิทธิ์ทาง Inbox ได้ถึงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ก่อนเวลา 12.00 น. และแอดมินรบกวนแจ้งรายละเอียด ดังนี้

  • ชื่อ-นามสกุล
  • เบอร์ติดต่อ
  • อีเมล

*ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

เตรียมเข้าประจำที่ได้ที่งาน Maho Rasop Festival ในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่จะถึงนี้ไว้ได้เลยย

ส่วนใครที่ไม่ได้รับคัดเลือกก็เตรียมตัวไวเพราะมีกิจกรรมและโอกาสอีกมากให้ได้ติดตามที่ Thinkster

Are you Ready? 

ถ้าใครพร้อมแล้ว พรุ่งนี้เจอกันได้ที่บูทของ Thinkster ได้ที่งานเทศกาลดนตรียิ่งใหญ่แห่งปี 

วอร์มขากันให้ดี วอร์มเสียงกันให้พร้อม ซ้อมขายตัวกันไว้ให้คล่อง แล้วเจอกันพรุ่งนี้ที่ Maho Rasop Festival ได้เลย!

มาขายตัวกัน x Maho Rasop Festival

Desktop Error

หากใครที่ยังนึกไม่ออก หรือไม่แน่ใจว่าตัวเองจะขายอะไรดี วันนี้ Thinkster ขอชวน Desktop Error (แท็กเพจ) หนึ่งในศิลปินไทยในไลน์อัพงาน Maho Rasop Festival 2022 #มาขายตัวกัน เพื่อเป็นไอเดียสุดปัง ให้ทุกคนได้ตะโกนมันออกมา!

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่านอกเหนือจากการเป็นศิลปิน Desktop Error แล้ว พวกเขายังทำงานเสริมอื่นควบคู่ไปด้วย ตั้งแต่ธุรกิจส่วนตัว เปิดร้านอาหาร เปิดบาร์ รวมไปถึงนักแสดง แบล็คอัพ หรือคนเบื้องหลังงานภาพยนตร์ งานโฆษณา แม้กระทั่งคนโชว์ควงไฟบนชายหาด

ซึ่งถ้าถามถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกเขาต้องรับหลายบทบาทเพื่อทำสิ่งต่างๆ อยู่ในตอนนี้ ส่วนใหญ่ตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เพราะรายได้จากการทำวงไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพ อีกทั้งด้วยความสนใจ ความชื่นชอบในการทำสิ่งนั้น รวมถึงช่วงวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมา ทำให้มีเวลาออกไปสั่งสมประสบการณ์ใหม่ๆ 

อีกทั้งพวกเขาเล่าว่า การเป็นศิลปินวง Desktop Error ไม่ใช่แค่สร้างความสุขเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยส่งเสริมให้งานเสริมของพวกเขาด้วย เพราะไม่ว่าจะเรื่องการเล่นดนตรี การทำอาหาร การแสดง หรือการทำเบื้องหลังมันมี ‘วิธีการคิด’ เดียวกัน

“การปรุงอาหารกว่ารสชาติที่ดีจะออกมาต้องผ่านการเทส ลิ้มรส คือวิธีเดียวกันกับการมิกซ์เพลงแค่เปลี่ยนเครื่องมือ จากที่เราจับกีตาร์ เราก็มาจับมีด หรืออย่างรสชาติของอาหารมีหลายรส เหมือนกับโทนเสียงของเบสที่มีทั้งทุ้ม กลาง และแหลม มันเลยทำให้การทำวงกับการทำงานเสริมช่วยส่งเสริมไปด้วยกันได้” 

ทั้งนี้การทำงานหลัก งานเสริมไปพร้อมๆ กันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย พวกเขายอมรับว่า ปีนี้เป็นปีที่ค่อนข้างความยากลำบากเลยทีเดียว

“เพราะถ้าวันหนึ่งของคนเรามี 24 ชั่วโมงพวกเราใช้เวลาทุ่มเทเต็มที่ และหมกหมุ่นอยู่กับการทำวงล้วนๆ ตั้งแต่เปิดอัลบั้ม ทำปก ทำไวนิล ทำทัวร์ จริงๆ มันมีกระบวนการหรือรายละเอียดที่ค่อนข้างยาก และเยอะมาก แล้ว Desktop Error ไม่มีค่าย พวกเราเลยต้องดู ต้องทำทุกอย่างเอง เรียกได้ว่าเช้ามาเข้าไลน์มีแต่ข้อความของวง”

ทำให้มีบางคนที่ก็ต้องละทิ้งหน้าที่ ความรับผิดชอบของตัวเองไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่พวกเขาเลือก และยอมรับที่จะแลกมันมา 

นอกจากนี้เมื่อชวนลอง Desktop Error เปรียบเทียบวงเป็น ‘สินค้า’ สักชิ้น พร้อมกับบรรยายแท็กไลน์เพื่อขายตัวเองสักหน่อย พวกเขาตอบแบบอมยิ้มเล็กน้อยว่า

“วงเราคงเป็น ‘ขนมโบราณ’ เป็นปาปิก้า หรือ โดเรมี ที่มีลักษณะไม่โดดเด่น คือเราไม่ใช่วงที่ดังเป็นพลุแล้วก็หายไป ส่วนแท็กไลน์น่าจะประมาณว่า ‘โดดเดี่ยวและดุดัน’ เหมือนวงที่อยู่มานาน ค่อยๆ เดินทางมาเรื่อยๆ อย่างมั่นคง อาจจะมีคนมองเห็น หรือเลือกซื้อกินไม่มาก แต่ถ้าคนไหนได้กินแล้วจะสามารถสัมผัสได้ถึงเนื้อใน เหมือนรับรู้ถึงความจริงใจของพวกเรา”

ก่อนจะจากลาพวกเขายังทิ้งท้ายบททนา ด้วยการเปิดเผยถึงความรู้สึกที่ประทับใจต่อการทำวง Desktop Error ว่ามันคือ ‘การเดินทาง’ การได้ออกทำตามความฝัน ตามเป้าหมายที่พวกเขาตั้งไว้ ก่อนหน้านี้อยากมีอัลบั้มแรกในชีวิต พอทำได้แล้วก็อยากไปเล่นดนตรีที่ต่างประเทศ อยากไปทัวร์ตามสถานที่ต่างๆ โดยที่มีคนฟังหน้าเก่า หน้าใหม่ ยังมีคนคอยซัพพอร์ตพวกเราอยู่จริงๆ ทำให้รู้สึกว่าเพลงเรามันไม่มีวันตาย

มาขายตัวกัน x Maho Rasop Festival

H3F

ถ้าคนไหนนึกไม่ออก Thinkster ก็มีตัวอย่างการขายตัวของ H3F ที่ประกอบด้วยสมาชิก 4 คนคือ ก้อง-เทพวิพัฒน์ ประชุมชนเจริญ (นักร้องและกีต้าร์) แม็ก-ฐากร อัญภานนท์ (กลอง)

ปิง-อาราการ จันทร์ทอน (กีต้าร์)  และหม่อม-ธนบัตร สมบูรณ์สิทธิ์  (เบส)  (แท็กเพจ) หนึ่งในศิลปินไทยในไลน์อัพงาน Maho Rasop Festival 2022 มาเป็นไอเดียจึ้งๆ ให้ทุกคนกล้านำเสนอมันออกมา แบบไม่ต้องอายใคร! 

Q: เล่าถึงสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ตอนนี้ให้ฟังหน่อย?

ก้อง: นอกเหนือจากที่ทำวง H3F มีสอนกีต้าร์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ตั้งแต่วัยมัธยมไปจนถึงวัยทำงาน แล้วอัดเพลง คอยช่วย Co-produce ให้กับศิลปินคนอื่นบ้าง

แม็ก: เป็นมือกลองอยู่ H3F มีทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง แล้วก็เป็น Event manager ของร้านเดอคอมมูน (DECOMMUNE) ด้วย

ปิง: ถ้าไม่ใช่เล่นกีตาร์กับ H3F ก็มีเริ่มทำธุรกิจปลูกกัญชากับครอบครัว และญาติๆ มีขุดบิทคอยบ้าง งานอดิเรกก็เล่นเกมตามประสา

หม่อม: มีทำงานพาร์ทไทม์ เป็นบาริสต้าอยู่ร้านกาแฟ เพิ่มจากเล่นเบสอยู่วง H3F 

Q: อยากให้เล่าจุดเริ่มต้นว่ามาทำสิ่งนี้ได้ยังไง?

ก้อง: พอตอนโควิดมันเล่นดนตรีไม่ได้ ก็เลยแบบว่า เห้ยลองสอนดูแล้วกัน คือกะสอนแบบตั้งแต่เล่นไม่เป็นจนเล่นได้

แม็ก: เกิดขึ้นเพราะว่าไม่มีตังค์ พูดตรงๆ เลยก็คืออยากหาเงิน พอเรียนจบมามีรับงานกราฟฟิกบ้าง หลังจากนั้นเพื่อนเห็นความสามารถก็เลยชวนไปทำงาน เป็นคนที่จัดงานอีเวนต์ หรือคอยเฟ้นหาวงดนตรีที่อยู่ในกระแส มีความน่าสนใจมาเล่นที่ร้าน และด้วยความเป็นคนชอบแต่งตัวมากเลยเปิดขายเสื้อผ้าเอง

ปิง: มันมีกระแสบิดคอยขึ้นมาเราก็สนใจ บวกกับญาติตัวเองเล่นด้วยก็เลยจับพลัดจับผลูมาได้ขุดบิดคอย แต่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วช่วงที่ผ่านมาที่กัญชาเสรีมันถูกกฎหมาย แล้วญาติคนเดิมเลยชวนไปศึกษา ทดลองปลูกกัญชา เราก็สนใจมันเป็นพืชเศรษฐกิจเนอะ เราร่วมลงทุนกับเขาด้วย 

หม่อม: เหมือนร้านเขามีโรงคั่วอยู่จังหวัดสระบุรี แล้วมาเปิดสาขาใหม่ที่กรุงเทพ กำลังรับสมัครพนักงานใหม่ ซึ่งผมสนใจเรื่องการทำกาแฟอยู่แล้ว อยากรู้ลึกๆ ด้วยว่ามันมีวิธีการไหนบ้างในการทำกาแฟ ก็เลยลองไปสมัครดู

Q: อาชีพหลักกับอาชีพเสริม ช่วยส่งเสริมหรือต่อยอดกันอย่างไรบ้าง?

ก้อง: พอเราเป็นนักดนตรีแล้วต้องมาสอนคนอื่น มันเลยทำให้เรามีมุมมอง กรอบความคิดในการใช้ชีวิต หรือเรื่องจิตวิทยาในการพูดคุยที่แตกต่างจากอาจารย์ หรือครูสอนดนตรีคนอื่นๆ เพราะเรารู้ว่าทุกคนก็มีสิ่งที่ถนัด และไม่ถนัดเหมือนกัน เลยอยากนำประสบการณ์ที่สั่งสมมาแชร์มากกว่า 

แม็ก: มันเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน อย่างเวลาจะถ่ายรูปวง ถ่ายพอร์ตที่ต้องแต่งตัวหน่อยก็จะใช้เสื้อผ้าผมค่อนข้างเยอะเหมือนกัน เพื่อให้มันคุมธีมไปในทิศทางเดียวกัน 

ปิง: จริงๆ มันก็ไม่ได้ต่อยอดโดยตรง ศาสตร์มันก็คนละศาสตร์กันเลย แต่น่าจะเป็นเรื่องการบริหารเวลาและจัดการมากกว่า ที่เป็นจุดตรงกลาง เพราะเวลาเราจะทำอะไรเราต้องมีเวลาเนอะ ต้องใช้เวลาที่เหมาะกับการทำสิ่งนั้นๆ

หม่อม: ที่หมือนกันผมว่าเป็นการทดลองต่างๆ เหมือนกาแฟก็มีการสกัดที่ต่างกันเหมือนกัน ก็เหมือนดนตรีที่อยากลองทำอะไรก็ทำได้เลย เพื่อหาจุดที่ดีที่สุดของมัน

Q: ความประทับใจในสิ่งที่ทำ?

ก้อง: น่าจะเป็นคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้ม ภูมิใจสุดแล้ว เพราะมันเป็นเหมือนเป้าหมายในชีวิตเราเลย มันอาจจะไม่ยิ่งใหญ่มาก ส่วนมุมอาชีพเสริมมันอาจไม่ใช่ความประทับใจ แต่น่าจะเป็นความตื่นเต้นมากกว่า เวลาเราเห็นบางคนพยายามทำอะไรที่เราก็ชอบ แล้วเขาก็ชอบเหมือนกัน

แม็ก: เหมือนก้องเลย ตอนคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มแรกของวง H3F ที่ลิโด้ แค่ขึ้นมาเพลงแรกแล้วเห็นคนร้องตามอะไร แบบโหน้ำตาซึม รู้สึกดีที่มีคนซัพพอร์ตเรา

ปิง: น่าจะเป็นเรื่องครอบครัว พ่อแม่ที่พร้อมซัพพอร์ต ไม่ว่าจะทำอะไร เรารู้สึกขอบคุณครอบครัวที่ไม่ว่าเราจะทำดนตรี ไม่ว่าเราจะทำบิตคอย ไม่ว่าเราเริ่มปลูกกัญชา ทั้งที่พวกเขารู้นะว่าเราเป็นคนที่ทำอะไรตามเทรนด์ แต่เขาก็พร้อมที่จะซัพพอร์ตเราอยู่เสมอ

หม่อม: คงเป็นตอนดริปกาแฟ เพราะแบบเราจะเลือกเบอร์บดถูก เลือกอุณหภูมิน้ำถูก แล้วมันจะแบบจุดที่ถูกต้องของมันประมาณนี้ แต่ถ้าทำวงน่าเป็นตอนเปิดอัลบั้ม อันนั้นคือคอนเสิร์ตใหญ่ที่สุดของวง แฮปปี้ที่สุดเลย

Q: ถ้าเปรียบตัวเองกับสินค้า คิดว่าเป็นสิ่งไหน? 

ก้อง: เป็นหมอนกอดละกัน ไม่รู้ว่ามันจะดูอวยตนเองไหม เราไม่ได้สอนเก่งที่สุด แต่ว่าเรื่องให้กำลังใจ เราค่อนข้างให้กำลังใจเก่งเหมือนกับหมอนกอดที่เอาไว้หนุน

แม็ก: เป็นแจ็คเก็ตหนังสักตัว พราะเป็นคนชอบดูหนัง และชอบสีน้ำตาลด้วย และเวลาคนที่ซื้อสินค้าเราไปใส่ก็เพิ่มความเท่ มีช่องกระเป๋าข้างๆ ไว้ใส่ของ แล้วเป็นเสื้อหนังมือสองหายากด้วยนะ

ปิง: เป็นโซฟาแล้วกัน เพราะจริงๆ มันทำหน้าที่ได้หลายอย่างเนอะ เราไม่ต้องไปจำกัดความโซฟา บางทีไว้นอน ไว้นั่งบนโซฟาก็ได้ อยู่เราจะเลือกใช้ มันเหมือนได้ผลิตออกมาเพื่อสิ่งเดียว

หม่อม: คิดว่าน่าจะเป็นทีวี เพราะเราเป็นคนอารมณ์ดี น่าจะทำให้คนคลายเครียดได้

Q: แล้วถ้าสินค้านี้ต้องมีแท็กไลน์ประจำตัว 

ก้อง: หมอนกอดยี่ห้อนี้ กอดได้ น้ำไหลยืด ไม่ซึม เพราะเราให้กำลังใจคนได้ดี ก็เหมือนกันหมอนกอดอันนี้น้ำไหลยืด ไม่ซึมหรอก มันไม่ต้องทิ้ง สามารถนอนหนุนได้เรื่อยๆ

แม็ก: แจ็คเก็ตหนังหน้ามนต์ เหมาะกับคนหน้าหล่อ แล้วกัน

ปิง: โซฟาสารพัดประโยชน์แล้วแต่คุณจะใช้ 

หม่อม: ผ่อนคลายสบายใจ

สุดท้ายนี้พวกเขา วง H3F ยังบรรยายถึงความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในงาน Maho Rasop Festival 2022 ด้วยว่า “รู้สึกตื่นเต้นมาก และเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของวง ที่จะได้เล่นเวทีเดียวกับวงระดับโลก เหมือนเวลาใครชอบอะไรและได้ทำอะไรร่วมกับเขา ถึงเขาไม่รู้จักเรา แต่เราได้แชร์แบบสเปซ แค่นี่ก็ใจฟูแล้ว”

งานจบ เราไม่จบ!

Thinkster ขอชวนทุกคนมาชมบรรยากาศแคมเปญมาขายตัวกัน x Maho Rasop Festival’ ภายในเทศกาลดนตรีสุดยิ่งใหญ่ของคนรุ่นใหม่อย่าง Maho Rasop Festival 2022 ที่เหล่าคนมีของขอมาลองดี มาอวดความสามารถพิเศษ แบบตะโกนให้โลกรู้กัน

ซึ่งสกิลการ #ขายตัว ของแต่ละคนจะปัง จะจึ้งแค่ไหน ไปติดตามกันได้ในวิดีโอด้า


All Submissions

Loading