กฎหมายประกันสุขภาพของชาวอเมริกัน

OBAMA CARE

ชาวอเมริกันประมาณ 48 ล้านคนคิดเป็น 15% ของประชากรทั้งหมดไม่ได้รับประกันสุขภาพจากนายจ้างหรือรัฐบาล สาเหตุหลักของผู้ที่ไม่มีประกันสุขภาพ ได้แก่

1. ประกันสุขภาพมีราคาแพง : สหรัฐอเมริกามีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพสูงที่สุดในโลก โดยในปี 2011 เท่ากับ 8,608 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อปี ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมกันถึง 17.9% ของ GDP สหรัฐฯ ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว

2. ตกงาน : สหรัฐอเมริกาไม่มีระบบประกันสุขภาพที่รับประกันสุขภาพของทุกคนเหมือนกับประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี หรือญี่ปุ่น ที่บังคับให้ประชาชนทุกคนต้องมีประกันสุขภาพ (Individual Mandate) ตามกฎหมาย

3. กลุ่มที่ไม่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน

Obamacare จะกำจัดปัญหาเหล่านี้ไป และช่วยคนอเมริกันจากการล้มละลาย โดยให้ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาได้อย่างต่อเนื่องตราบเท่าที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา ไม่ใช่จนกระทั่งไม่มีเงินจ่าย

Obamacare คืออะไร ??

กฎหมายประกันสุขภาพ มีชื่อเต็มว่า The Patient Protection & Affordable Care Act (PPACA) หรือ Affordable Care Act (ACA)  เป็นนโยบายต่อเนื่องมาจากอดีตประธานาธิบดี บิลล์ คลินตัน แต่มาประสบความสำเร็จในสมัยของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสและมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2010 แต่นโยบายหลักๆ จะมีผลบังคับใช้จริงในวันที่ 1 มกราคม 2014 โดย ObamaCare จะขยายการเข้าถึงการประกันสุขภาพทั้งของภาครัฐและเอกชนผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น การคุ้มครอง กฎระเบียบ เงินอุดหนุน ภาษี ตลาดประกันสุขภาพใหม่ และการปฏิรูปอื่นๆ

( ที่มา : https://th.m.wikipedia.org/wiki/ไฟล์:Obama_signs_health_care-20100323.jpg )

เป้าหมาย เพื่ออะไร ??

คุ้มครองและปกป้องสิทธิของผู้ป่วยชาวอเมริกัน

Medicaid – ขยายเกณฑ์ผู้ได้รับสิทธิประโยชน์จากเดิม ซึ่งจะช่วยให้คนอเมริกันสามารถเข้าถึงประกันสุขภาพได้เพิ่มขึ้นอีก 21.3 ล้านคน ภายในปี 2022 คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของคนไม่มีประกันสุขภาพทั้งหมดในปัจจุบัน โดยขอบเขตของการขยายสิทธิ์จะแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของครอบครัว ถิ่นที่อยู่อาศัย อายุของผู้ทำประกัน เป็นต้น

Medicare – มีสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากเดิม เช่น ครอบคลุมการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันฟรี (Preventive Care) เช่น ตรวจสุขภาพประจำปี ฉีดวัคซีนป้องกันโรค ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย และได้ส่วนลด 50% เมื่อซื้อยาตามใบสั่งแพทย์ สำหรับ Brand Name Drugs และ 14% สำหรับ Generic Drugs

( ที่มา : https://www.offlinepost.gr/2020/05/31/obamacare-aca-μια-ιστορική-αλλαγή-για-τη-ζωή-των-α/ )

ข้อสรุปที่สำคัญเกี่ยวกับโอบามาแคร์

1. การเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้น คือ ขยายการเข้าถึงการรักษาพยาบาลสำหรับชาวอเมริกันที่ไม่มีประกันโดยบรรลุเป้าหมายผ่าน MedicaidและMedicare

2. การแลกเปลี่ยนประกันสุขภาพ คือ ผู้คนสามารถเปรียบเทียบและซื้อแผนประกันได้ เพื่อสร้างตลาดที่มีการแข่งขันมากขึ้นโดยให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมายให้เลือก

3. การดูแล ป้องกันและสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพ : กำหนดให้แผนประกันครอบคลุมสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพที่จำเป็นและบริการป้องกันโดยไม่ต้องแบ่งค่าใช้จ่าย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้แน่ใจว่าบุคคลสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่จำเป็นโดยไม่มีอุปสรรคทางการเงิน

4. การโต้เถียงและการแบ่งแยกทางการเมือง : ที่มาของความขัดแย้งทางการเมือง โดยมีการถกเถียงกันเรื่องประสิทธิภาพ ต้นทุน และผลกระทบต่อระบบการดูแลสุขภาพ บางคนโต้แย้งว่ามันปรับปรุงการเข้าถึงและการคุ้มครองผู้ป่วย ในขณะที่บางคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการเพิ่มต้นทุนการรักษาพยาบาลและสร้างภาระด้านกฎระเบียบให้กับธุรกิจ

( ที่มา : https://news.cornell.edu/stories/2020/03/michener-views-obamacare-through-lenses-race-politics )

แหล่งที่มาของข้อมูล :

https://mgronline.com/mutualfund/detail/9570000002841

https://www.congress.gov

• Text of Section 5000A – Individual Responsibility Requirement

• Text of Section 2001 – Medicaid Coverage for the Lowest Income Populations

• Text of Title I – Quality, Affordable Health Care for All Americans

https://www.offlinepost.gr/2020/05/31/obamacare-aca-μια-ιστορική-αλλαγή-για-τη-ζωή-των-α/

งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา 751309 Macro Economics 2

ซึ่งสอนโดย ผศ.ดร.ณพล หงสกุลวสุ

คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

งานชิ้นนี้ เขียนโดย

นางสาวพีรดา วันหะมัด รหัสนักศึกษา 651610316