จริงหรือไม่…ที่ประชากรออสเตรเลียรวยที่สุดในโลก

ถ้านึกถึงประเทศที่ร่ำรวยหลายคนคงมองข้ามประเทศออสเตรเลีย

จากการสำรวจในปี 2019 ประชากรที่อาศัยอยู่ในประเทศออสเตรเลียรวยที่สุดในโลก โดยไม่รวมประเทศเล็กๆอย่างประเทศโมนาโก ประเทศออสเตรเลียใช้เวลา 27 ปีที่ไม่ตกอยู่ในภาวะถดถอย แม้แต่วิกฤตการเงินโลกในปี 2008 ก็ไม่ส่งผลกระทบด้านลบกับสภาพคล่องการเงินของประเทศ

ความมั่งคั่งสุทธิ ( Net Worth ) เฉลี่ยของชาวออสเตรเลียอยู่ที่ $411,000 USD โดยคนชนชั้นกลาง ( Middle Person ) มีความมั่งคั่งสุทธิอยู่ที่ $191,000 USD แสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งที่กระจายอย่างทั่วถึงของคนทุกชนชั้น

ทำไมประชากรออสเตรเลียถึงรวยที่สุดในโลก??

อุตสาหกรรมเหมืองแร่ของประเทศออสเตรเลียทำเงินให้ประเทศอย่างมหาศาลไม่ว่าจะเป็นแร่เหล็ก ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ ฯลฯ อุตสาหกรรมดังกล่าวทำให้ประเทศออสเตรเลียเป็นคู่ค้าทางเศรษฐกิจกับเอเชีย แร่ต่างๆถูกส่งออกไปยังประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และที่ขาดไปไม่ได้คือประเทศมหาอำนาจอย่างจีน ในปี 2018 ประเทศออสเตรเลียส่งออกวัตถุดิบแร่ต่างๆมูลค่ากว่า $270,000,000,000 USD เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชีย การทำเหมืองแร่เป็นการสร้างรายได้มูลค่าสูงสำหรับแรงงานไร้ฝีมือในประเทศออสเตรเลีย เมื่อเทียบกับประเทศสหรัฐอเมริกา ประชากรออสเตรเลียมีความมั่งคั่งสุทธิเป็น 3 เท่าของประชากรสหรัฐอเมริกา แต่การทำเหมืองแร่ไม่ใช่แหล่งรายได้หลักของประเทศออสเตรเลีย

ภาพประกอบการทำเหมืองแร่ในประเทศออสเตรเลีย

( ที่มา : https://www.bangkokbiznews.com/world/739429 )

สิ่งที่ส่งผลต่อ GDP ประเทศออสเตรเลียคืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ เช่น การบริการ การก่อสร้าง การเงิน การศึกษา และการทำเหมืองแร่ เมื่อพูดถึงประเทศออสเตรเลียคงนึกถึงความสะอาด ปลอดภัย ความก้าวหน้าทางการศึกษาและสาธารณสุข อีกทั้งยังเปิดกว้างในเรื่องการอพยพถิ่นฐานคือให้โอกาสแรงงานมีฝีมือมาทำงานและตั้งถิ่นฐานในประเทศ สนับสนุนนักเรียนแลกเปลี่ยนจากนานาประเทศ สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนที่อยู่อาศัยตามมา ส่งผลให้บ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์เป็นที่ต้องการ และมีราคาแพงเป็นอย่างมาก

ตัวอย่างบ้านในย่าน Camperdown เสนอขายในราคา $1,200,000 USD

( ที่มา : https://jingjonews.com/2017/11/05/มีเงิน-1-2-ล้านซื้อบ้านซิด/ )

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ประชากรออสเตรเลียมีความมั่งคั่งคือรัฐบาลออกกฎหมายว่าพนักงานจะต้องบริจาครายได้บางส่วนเข้าบัญชีออมทรัพย์เพื่อการเกษียณอายุ โดยนายจ้างต้องจ่ายเงินสมทบบังคับ 9.5% ของค่าจ้างพนักงาน คนในประเทศพอใจกับกฎหมายนี้เนื่องจากเป็นการออมก่อนหักภาษี ทำให้ผู้คนจ่ายภาษีน้อยลงและยังมีเงินออมสำหรับการเกษียณอายุอีกด้วย

งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา 751309 Macro Economics 2

ซึ่งสอนโดย ผศ.ดร.ณพล หงสกุลวสุ

คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

งานชิ้นนี้ เขียนโดย

นางสาวพีรดา วันหะมัด รหัสนักศึกษา 651610316