เศรษฐกิจที่สมบูรณ์แบบของประเทศนอร์เวย์

เศรษฐกิจที่สมบูรณ์แบบของประเทศนอร์เวย์

เศรษฐกิจส่งผลให้คนในประเทศมีความสุขจริงไหม ประเทศนอร์เวย์เป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจผสมกันระหว่างทุนนิยมและสังคมนิยม มีความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังพบว่าแรงงานทักษะสูงสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆจากทั่วโลก และยังเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็นสถานที่ที่ทำธุรกิจได้ง่าย จากการสำรวจของ International Monetary Fund 2018 ปรากฏว่า GDP ต่อหัวของประเทศนอร์เวย์อยู่ที่ $81,995 USD ประเทศนอร์เวย์ไม่มีปัญหาทางสังคมอย่างเช่น การทำงานเป็นเวลานาน ผู้คนต้องการงานสำรองเพื่อเลี้ยงชีพ เนื่องจากมีการคุ้มครองแรงงานที่ดีมาก ดัชนีชีวิตที่ดีขึ้นของ OECD ตั้งข้อสังเกตว่ามีเพียง 3% ของพนักงานนั้นทำงานเป็นเวลานานซึ่งเป็นอัตราที่น้อยมากๆ จากสาเหตุนี้ส่งผลให้พลเมืองของนอร์เวย์มีความสุขที่สุดในโลก ทำไมประเทศอื่นไม่นำนโยบายเศรษฐกิจของประเทศนอร์เวย์ไปใช้ ? ประเทศนอร์เวย์ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองขนาดนี้เสมอไป… ย้อนกลับไปในปี 1960 เศรษฐกิจพื้นฐานมาจากการทำประมง ขณะนั้น GDP ของประเทศใกล้เคียงกับประเทศด้อยพัฒนาอย่างบังคลาเทศหรือไนจีเรีย รวมไปถึงคุณภาพชีวิตยังใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปอย่างสเปนและกรีซ ในปี 1963 รัฐบาลนอร์เวย์ยืนยันสิทธิอธิปไตยเหนือทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ของทะเลเหนือ กล่าวคือ Norwegian Sea เป็นของประเทศนอร์เวย์ และรัฐบาลนอร์เวย์บังเอิญพบน้ำมันในทะเลนอร์วีเจียน นี่แหละคือจุดเปลี่ยน !!! ( ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ทะเลนอร์วีเจียน ) ในปี 1970 ประเทศนอร์เวย์ผลิตน้ำมันต่อหัวได้มากกว่าประเทศอื่นๆทั่วโลกรองจากคูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบีย […]

เศรษฐกิจส่งผลให้คนในประเทศมีความสุขจริงไหม

ประเทศนอร์เวย์เป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจผสมกันระหว่างทุนนิยมและสังคมนิยม มีความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังพบว่าแรงงานทักษะสูงสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆจากทั่วโลก และยังเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติว่าเป็นสถานที่ที่ทำธุรกิจได้ง่าย

จากการสำรวจของ International Monetary Fund 2018 ปรากฏว่า GDP ต่อหัวของประเทศนอร์เวย์อยู่ที่ $81,995 USD

ประเทศนอร์เวย์ไม่มีปัญหาทางสังคมอย่างเช่น การทำงานเป็นเวลานาน ผู้คนต้องการงานสำรองเพื่อเลี้ยงชีพ เนื่องจากมีการคุ้มครองแรงงานที่ดีมาก ดัชนีชีวิตที่ดีขึ้นของ OECD ตั้งข้อสังเกตว่ามีเพียง 3% ของพนักงานนั้นทำงานเป็นเวลานานซึ่งเป็นอัตราที่น้อยมากๆ จากสาเหตุนี้ส่งผลให้พลเมืองของนอร์เวย์มีความสุขที่สุดในโลก

ทำไมประเทศอื่นไม่นำนโยบายเศรษฐกิจของประเทศนอร์เวย์ไปใช้ ?

ประเทศนอร์เวย์ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองขนาดนี้เสมอไป…

ย้อนกลับไปในปี 1960 เศรษฐกิจพื้นฐานมาจากการทำประมง ขณะนั้น GDP ของประเทศใกล้เคียงกับประเทศด้อยพัฒนาอย่างบังคลาเทศหรือไนจีเรีย รวมไปถึงคุณภาพชีวิตยังใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปอย่างสเปนและกรีซ

ในปี 1963 รัฐบาลนอร์เวย์ยืนยันสิทธิอธิปไตยเหนือทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ของทะเลเหนือ กล่าวคือ Norwegian Sea เป็นของประเทศนอร์เวย์ และรัฐบาลนอร์เวย์บังเอิญพบน้ำมันในทะเลนอร์วีเจียน นี่แหละคือจุดเปลี่ยน !!!

( ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/ทะเลนอร์วีเจียน )

ในปี 1970 ประเทศนอร์เวย์ผลิตน้ำมันต่อหัวได้มากกว่าประเทศอื่นๆทั่วโลกรองจากคูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบีย การเติบโตของน้ำมันส่งผลให้ GDP ของนอร์เวย์เติบโตมากกว่า 5 เท่า

ความมั่งคั่งที่เพิ่งค้นพบอย่างน้ำมัน

น้ำมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นผ่านบริษัทเอกชน เช่น เชลล์ เอ็กซอน และบีพี แต่เป็นบริษัทที่บริหารโดยสาธารณะและเป็นเจ้าของที่เรียกว่า ” Statoil ” ผลกำไรจากการขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะไม่ตกไปที่ผู้ถือหุ้นเอกชนแต่จะส่งตรงไปยังรัฐบาล

( ที่มา : https://www.elektormagazine.com/news/BP-and-Shell–challenged–but–doing-OK- )

รัฐบาลมีวิสัยทัศน์กว้างไกลเล็งเห็นว่าความมั่งคั่งของน้ำมันไม่ได้อยู่ตลอดไป รัฐบาลจึงนำเงินไปลงทุนในกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ทำให้พลเมืองนอร์เวย์มีเงินลงทุนประมาณ $200,000 USD แต่พลเมืองไม่สามารถนำเงินเหล่านี้ไปใช้จ่ายตามใจตัวเองได้ ผลตอบแทนจะมาในรูปแบบของโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะของระบบสวัสดิการที่แข็งแกร่ง

ประชาชนไม่ต้องกลัวการตกงาน ไม่ต้องกลัวไร้บ้าน ทุกคนสามารถเข้าถึงระบบการศึกษาและการขนส่งสาธารณะที่ดี ปลอดภัยและทั่วถึงต้องแลกมากับการจ่ายภาษีที่สูง รวมไปถึงค่าครองชีพที่สูงมากเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันภาษีรายได้และภาษีธุรกิจในประเทศนอร์เวย์ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภาษีสูงที่สุดในโลก

ดังนั้นเศรษฐกิจที่สมบูรณ์แบบต้องควบคู่กับสวัสดิการที่ดี จึงส่งผลให้พลเมืองในประเทศมีความสุข

งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา 751309 Macro Economics 2

ซึ่งสอนโดย ผศ.ดร.ณพล หงสกุลวสุ

คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

งานชิ้นนี้ เขียนโดย

นางสาวพีรดา วันหะมัด รหัสนักศึกษา 651610316

None