Balancer (DeFi’s Yield-Bearing Hub) อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการวางสภาพคล่องบนบล็อก

Balancer (DeFi’s Yield-Bearing Hub) อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับการวางสภาพคล่องบนบล็อก

Figure 1 : https://defitutorials.substack.com/p/adding-liquidity-to-balancer-pools Balancer Figure 2: Balancer DeFi Liquidity Pools on Ethereum Mainnet Balancer protocol ถูกสร้างและพัฒนาโดย Balancer Labs ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.2018 โดยผู้ก่อตั้งมี 2 ท่านได้แก่ Fernando Martnelli และ Mike McDonald ซึ่งไม่เปิดเผยตัวตน โดย Balancer เป็นโอเพนซอร์ซโปรโตคอล (open-source protocol)1 ที่ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชน Ethereum เพื่อให้บริการในด้านการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange หรือ DEX) และระบบการจัดการเงินสด (Liquidity Management) โดยใช้หลักการของ Automated Market Maker (AMM) โดยให้บริการบน 8 บล็อกเชน คือ Ethereum, Optimism, […]

Figure 1 : https://defitutorials.substack.com/p/adding-liquidity-to-balancer-pools

Balancer

Figure 2: Balancer DeFi Liquidity Pools on Ethereum Mainnet

Balancer protocol ถูกสร้างและพัฒนาโดย Balancer Labs ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ.2018 โดยผู้ก่อตั้งมี 2 ท่านได้แก่ Fernando Martnelli และ Mike McDonald ซึ่งไม่เปิดเผยตัวตน โดย Balancer เป็นโอเพนซอร์ซโปรโตคอล (open-source protocol)1 ที่ถูกสร้างขึ้นบนบล็อกเชน Ethereum เพื่อให้บริการในด้านการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Exchange หรือ DEX) และระบบการจัดการเงินสด (Liquidity Management) โดยใช้หลักการของ Automated Market Maker (AMM) โดยให้บริการบน 8 บล็อกเชน คือ Ethereum, Optimism, Gnosis Chain, Polygon PoS, Polygon zkEVM, Base, Arbitrum และ Avalanche โดยมีโทเคน BAL เป็นโทเคนประจำแพลตฟอร์ม และ veBAL เป็น Governance token

Figure 4: Fernando Martinelli – People in crypto | IQ.wiki

สถานะของธุรกิจปัจจุบัน

Figure 5: ข้อมูล ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 ที่มา: https://docs.balancer.fi/concepts/vault/#gas-efficient-batch-swaps

การทำงานของ Balancer

  1. Swap: นักลงทุนสามารถแลกเปลี่ยนโทเคน (swap token) บน Balancer ด้วยระบบ Automated Market Maker (AMM) เป็นระบบการเทรดที่ใช้โปรโตคอลและสัญญาอัจฉริยะ (smart contract) บนบล็อกเชน ทำให้สามารถทำการเทรดได้อัตโนมัติโดยไม่ต้องมีตัวกลาง ซึ่งเป็นระบบที่ใช้หลายๆแพลตฟอร์ม เช่น 1inch, Uniswap, Curve แต่ Balancer จะมีค่าธรรมเนียมที่ถูกและมีความยืดหยุ่นสูงกว่า

  2. Pool: Balancer เปิดโอกาสให้ทุกคนเป็น Liquidity provider เพื่อมาช่วยวางสภาพคล่องได้ โดยจะได้ค่าธรรมเนียม หรือ fees (สำหรับการ swap เหรียญบนบล็อกเชน) เป็นการตอบแทนในรูปแบบของโทเคน BAL

“จุดเด่นคือ Balancer มีหลักการทำงานคล้ายกับ Uniswap แต่มีความพิเศษกว่าตรงที่สามารถวางสภาพคล่องได้มากสูงสุดถึง 8 โทเคน และกำหนดการแบ่งสัดส่วน(weighted)ได้เองตามต้องการ ในขณะที่ Uniswap วางสภาพคล่องได้มากสุด 2 โทเคน และจำกัดการแบ่งสัดส่วนที่ 50/50” เช่น เราสามารถวางสภาพคล่องที่สัดส่วน 60 Maker:20 wrapped Ethereum:20 USDC หากราคาสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงไป 20% ระบบจะเข้าสู่กระบวนการ Rebalancing เพื่อให้มูลค่าเหรียญหรือโทเคนที่วางสภาพคล่องมีสัดส่วนเท่ากับที่ผู้ใช้กำหนดไว้ใน pool 

โดย Balancer มีระบบ Automated Portfolio Manager (APM) เป็นระบบหรือเครื่องมือที่ให้บริการในการจัดการพอร์ตโฟลิโอการลงทุนโดยใช้ระบบอัตโนมัติ หรือสมาร์ทคอนแทรคต์เพื่อทำให้นักลงทุนสามารถจัดการและปรับแต่งพอร์ตโฟลิโอของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายมากขึ้น

ลักษณะ Pool ของ Balancer

การแลกเปลี่ยนเหรียญด้วยระบบ Automated Market Maker (AMM) ต้องมีอ่างเก็บสภาพคล่อง (Liquidity pool) ที่ใหญ่เพื่อลดความแปรปรวนของราคาเหรียญ เพราะ AMM เป็นระบบที่มีการกำหนดราคาเหรียญ โดยการหาสัดส่วนของคู่เหรียญที่วางสภาพคล่องไว้ ยิ่งมีสภาพคล่องเยอะ(Thick LP) —> ราคาแปรปรวนน้อย (Low Slippage)

ความพิเศษของ Balancer คือ เสนอรูปแบบอ่างสภาพคล่องที่หลากหลาย อีกทั้งยังมีการพัฒนาระบบการทำงานและอัพเดตรูปแบบอ่างเก็บสภาพคล่อง (Liquidity pool) อยู่เสมอ ทำให้สามารถจูงใจนักลงทุนมาวางสภาพคล่องมากขึ้น โดยในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 7 ลักษณะ ดังนี้

  1. Weighted pools:

    Weighted Pools เป็นส่วนเสริมจากแบบดั้งเดิม มีต้นแบบการวางสภาพคล่องมาจาก Uniswap v1 ซึ่งเหมาะสำหรับใช้ในกรณีทั่วไป และไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ด้านราคาระหว่างโทเคน (เช่น DAI/WETH) แต่ในกรณีของ Balancer มีความพิเศษตรงที่สามารถช่วยให้ผู้ใช้สร้างพูล โดยสามารถวางได้มากสูงสุดถึง 8 โทเคนและกำหนดสัดส่วน (weighted) ในการวางสภาพคล่องเองได้ เช่น สามารถกำหนดสัดส่วนของการวางสภาพคล่องจำนวน 2 โทเคนที่มีสัดส่วน 80/20 หรือจำนวน 3 โทเคนที่มีสัดส่วน 60/20/20

  2. Composable stable pools:

    Composable stable pools ออกแบบมาสำหรับสินทรัพย์ที่คาดว่าจะทำการ SWAP อย่างต่อเนื่องที่สัดส่วนเท่ากัน หรือสำหรับสินทรัพย์ที่ถูกตรึงมูลไว้กับเหรียญดั้งเดิม โดย Composable Stable Pools มีการใช้ Stable Math (อิงตาม Stable Swap ซึ่งเป็นที่นิยมใน Curve) ที่ช่วยให้สามารถทำการ swap ได้ก่อนที่จะต้องประสบกับผลกระทบทางด้านราคา ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านเงินทุน สำหรับการ swap ในประเภทเดียวกันและประเภทที่มีความสัมพันธ์กัน

  3. Boosted pools:

    Boosted Pools เป็นส่วนย่อยของพูลอื่นๆ (Composable Stable Pools และ Weighted Pools ) Boosted Pools จะกระตุ้นให้ Liquidity Providers (LP) และ Swappers ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ Swappers จะสามารถเข้าถึงสภาพคล่องเชิงลึกโดยมีผลกระทบต่อราคาน้อยที่สุด ในขณะที่ผู้วางสภาพคล่อง (LPs) จะได้รับสถานะสภาพคล่องที่ส่งไปยังโปรโตคอลภายนอก เช่น Aave

  4. Liquidity bootstrapping pool (LBPs):

    Liquidity Bootstrapping Pools (LBP) คือ พูลที่สามารถเปลี่ยนการแบ่งสัดส่วน (weighted) โทเคนแบบไดนามิกได้ (เช่น 1/99 ถึง 99/1 สำหรับ TokenA/TokenB) โดยเจ้าของ pool สามารถกำหนดเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดได้ รวมถึงมีอำนาจในการหยุดการแลกเปลี่ยนชั่วคราวได้ด้วย

  5. Linear Pools: Linear Pools:

    Linear Pools คือ พูลที่อำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์และผลตอบแทนที่ทราบอัตราแลกเปลี่ยน มีช่วงเป้าหมายเพื่อจูงใจว่าควรเก็บโทเคนประจำแพลตฟอร์มไว้สำหรับการแลกเปลี่ยน โดยเทียบกับผลตอบแทนที่มีคู่กัน ซึ่งใช้กลไกค่า fee / reward เพื่อจูงใจ arbitrageurs ให้รักษาอัตราส่วนที่ต้องการระหว่างโทเคนทั้งสอง (จ่ายค่า fee สำหรับการออกจากช่วงเป้าหมาย และรับ reward สำหรับการกลับสู่ช่วง) และ Linear Pools อนุญาตให้ผู้ใช้ซื้อขายโดยตรงกับ BPT 

  6. Managed Pool:

    Managed Pools ออกแบบมาเพื่อสร้างความยืดหยุ่นสูงสุดให้กับ Balancer Managed Pools  โดยใช้ Weighted Math และอนุญาตให้ผู้ใช้มีพูลได้สูงสุด 50 โทเคน พูลประเภทนี้จะมีการจัดเตรียมกรอบการทำงานสำหรับผู้จัดการกองทุน เพื่อใช้เพื่อติดตามการเข้ารหัสลับ และมีกลไกการเปลี่ยนน้ำหนักตามเวลาที่คล้ายกับกลไกของ Liquidity Bootstrapping Pools

  7. Protocol pools:

    แตกต่างจากพูลประเภทอื่นๆ ที่ตรงที่พูลประเภทนี้สามารถมองเป็น entity เดี่ยวได้ โดยพูลประเภทนี้เป็นตัวแทนของโปรโตคอล DeFi ทั้งหมดที่สร้างขึ้นบนโครงสร้างพื้นฐาน และเป็น programmable liquidity

Balancer V2

Figure 6: https://docs.balancer.fi/concepts/vault/#gas-efficient-batch-swaps

ในปี 2021 Balancer ได้มีการเปิดตัว Balancer V2 เป็นอีกระดับที่นำเราเข้าใกล้วิสัยทัศน์ของ Balancer ในการเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับการวางสภาพคล่อง DeFi โดยมีหลักสำคัญคือ ความปลอดภัย (security), ความยืดหยุ่น (flexibility), การเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุน (capital efficiency) และการเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านค่าธรรมเนียมที่ถูกลง(gas efficiency) โดยมีการพัฒนาระบบฟังก์ชันการทำงานที่สามารถใช้งานได้ง่ายมากขึ้นแล้วยังมีการพัฒนาในส่วนต่าง ๆ ดังนี้

  • Protocol Vault: ระบบการทำงานที่นำเอา liquidity pool ทุกอันที่อยู่ใน platform มารวมอยู่ใน Vault เดียวกัน ซึ่งจะสามารถช่วยลดค่าธรรมเนียมให้กับผู้ใช้งาน เมื่อทำการ Swap เหรียญที่ต้องการ จากหลาย ๆ pool เพื่อที่จะทำให้นักลงทุนได้ราคาที่ดีที่สุดจากการ Swap ในเพียงครั้งเดียว โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาในการหา Contract และประหยัดค่าธรรมเนียม (gas) มากขึ้น

  • Customizable AMM Logic: Balancer ได้มีการพัฒนาให้ Automated Market Maker (AMM) มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีพัฒนาระบบ ดังนี้

    • การปรับค่าธรรมเนียมอัตโนมัติ (Dynamic-Fee Pools Powered by Gauntlet) : ในการจัดสรรค่าธรรมเนียมให้กับ Liquidity Provider นั้นจะมีปัญหาจากราคาของสินทรัพย์แต่ละชนิดมีความผันผวน จึงทำค่า Fee ที่ได้จากสินทรัพย์มีราคาแตกต่างกัน ประกอบการประเมินสภาวะตลาด Gauntlet จึงเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ประเมินความเสี่ยงของสินทรัพย์

    •  การปรับสัดส่วนพูลอัตโนมัติ (Dynamic – Weight pools powered by PowerPool) : การปรับสัดส่วน (weighted) ของพูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    • Asset Manager: (เดิมเมื่อมีการวาง liquidity สินทรัพย์ที่นำไปวางสภาพคล่องจะไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่) การที่มี Asset Manager จะเข้ามาช่วยในการนำสินทรัพย์ที่เอาไปวางสภาพคล่องไปจัดการใช้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การเอาไปปล่อยกู้ให้กับ Aave หรือใน แพลตฟอร์มอื่น ๆ ส่งผลให้ Liquidity Provider ได้รับผลประโยชน์จากการได้รับดอกเบี้ยหรือกำไรเพิ่มมากขึ้น

  • การใช้งาน Oracle มีความยืดหยุ่นมากขึ้น : (การใช้ข้อมูลราคาอ้างอิงจาก Oracles นั้นมีค่าใช้จ่าย) Balancer V2 จึงมีการพัฒนาออกแบบให้มีการแบ่งประเภทการใช้งาน ในส่วนที่มีความจำเป็นจะต้องใช้ข้อมูลแบบ real time จะมีการ feed ราคาให้มีความถี่อย่างเหมาะสม ซึ่งจะทำมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลง

Balance’s Token

โทเคนประจำธุรกิจที่สำคัญมีทั้งหมด 3 โทเคน คือ BAL veBAL และ  BPT (Balncer Pool Tokens)

  1. BAL คือ Balancer Governance Token ที่สร้างบน Ethereum Blockchain ตามมารตรฐาน ERC-20 ซึ่ง Balancer Protocol มีกลไก Liquidity mining โดยผู้ใช้สามารถฝากเหรียญหรือโทเคนต่างๆ เข้าไปใน Liquidity Pools เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับแพลตฟอร์ม และได้รับโทเคนBAL เป็นรางวัลตอบแทน

    • คุณสมบัติของ BAL

      • ใช้เทรดเหรียญหรือโทเคนอื่นที่รองรับ

      • ใช้สร้าง Liquidity Pool บนโปรโตคอล Balancer หรือลงทุนใน Pool ที่มีอยู่ก่อนแล้ว เพื่อสร้างรายได้จากการเทรด

      • ใช้สำหรับการโหวตในการบริหารแบบกระจายศูนย์(decentralized governance) สามารถโหวตวิธีการใช้ DAOs treasury

      • ใช้ในการล็อกโทเคน 80/20 BAL/WETH Balancer Pool Tokens เพื่อให้ได้ veBAL (ส่วนที่เพิ่มเติมมาจาก BAL) ซึ่งช่วยเพิ่มอำนาจในการโหวตมากขึ้น

  2. BPT (Balncer Pool Tokens) คือ Liquidity provider token เป็นโทเคนรองตามมาตรฐาน ERC-20 ที่แสดงถึงการมีส่วนร่วมในการวางสภาพคล่องของ Balancer คนที่ถือ BPT จะได้รับส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมจากธุรกรรมที่เกิดขึ้นใน Pool นั้น รวมถึงส่วนแบ่งของรางวัล BAL ตามค่าธรรมเนียมพูลและประโยชน์ของพูล โดยแต่ละ Pool จะมี BPT ของตัวเอง

  3. veBAL (vote-escrow BAL) คือ Governance Token ที่ได้จากล็อก Balancer pool tokens (BPT) ซึ่งได้มาจากการวางสภาพคล่องใน B-80BAL-20WETH pool ในระบบการให้สิทธิ์แบบล็อคเวลาที่ไม่สามารถถ่ายโอนได้ ดัดแปลงจาก Curve’s veCRV mechanism   โดยจะนำ BPT มาล็อกไว้ใน smart contract ที่เรียกว่า “vote-escrow contract” ที่เสมือนการฝากประจำโทเคนที่จะถอนได้ก็ต่อเมื่อหลังครบกำหนดสัญญา ส่งผลให้กลไกที่ใช้ในการประสานงานแบบกระจายศูนย์ มีความยุติธรรมและโปร่งใสในการตัดสินใจมากนี้ อีกทั้งระบบนี้ยังลดโอกาสในการซื้อคะแนนเสียงและการแก้ไข เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าร่วมในเครือข่ายมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในระยะยาวของโครงการ โดยผู้ถือ veBAL เรียกว่า Balancer Governors

    • คุณสมบัติของ veBAL 

      • ไม่มีผลต่อราคา BAL โดยตรงแต่มีผลต่ออำนาจในการโหวตและรับผลประโยชน์ต่างๆที่ผู้ถือ BAL ทำได้ 

      • ใช้ในการโหวตลงคะแนนเสียงใน Snapshot เพื่ออนุญาตให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใน DAO, การจัดการ (เพิ่ม/ลบ) ของ gauges, และการเปลี่ยนแปลงรูปแบบต่างๆบนระบบได้ เช่น การเพิ่มรางวัลแก่ผู้เพิ่มสภาพคล่องใน Pools เป็นต้น

      • ใช้เก็บค่าธรรมเนียมของโปรโตคอลในระบบ Balancer โดยจะได้รับ 65% ของค่าธรรมเนียมโปรโตคอล ซึ่งรวมถึง: 50% ของ swap fees ที่สะสมขึ้นใน Balancer Protocol และ 50% ของผลตอบแทนจาก yield bearing tokens ใน Core Pools  

      • เพิ่มความสามารถในการ Liquidity mining การล็อก veBAL ส่งเสริมให้ผู้ถือสิทธิ์มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในระยะยาว และส่งเสริมให้เกิดการประสานงานที่โปร่งใสในโครงการ 

    • วิธีเพื่อให้ได้ veBAL  

      1. ต้องมี BAL หรือ WETH ในการลงทุนใน B-80BAL-20WETH pool 

      2. เมื่อนำ BAL หรือ WETH ลงทุนใน pool นี้จะได้ “Balancer Pool Token” or BPT 

      3. นำ BPT ไปล็อกแล้วจะได้ veBAL สามารถล็อกได้สูงสุด 1 ปี ขั้นต่ำ 1 สัปดาห์  โดยความยาวในการล็อกสอดคล้องกับจำนวน veBAL “ยิ่งคุณล็อก BPT ในระยะเวลาที่ยาวนาน, ค่า veBAL ที่คุณได้รับจะมีมูลค่ามากขึ้น” 

 Tokenomics กลไกการควบคุมปริมาณโทเคนในระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ของ Balancer

Figure 7 and 8: https://docs.balancer.fi/concepts/vault/#gas-efficient-batch-swaps

ปริมาณอุปทาน BAL สูงสุดที่จะมีการผลิตคือประมาณ 100 ล้านโทเคน (มีการผลิตครั้งแรกเมื่อ 23/06/2020) โดยจะมีการลดประมาณการผลิตจะลดลงครึ่งหนึ่ง (halving) ทุกๆ 4 ปี โดยจะมีการสร้างโทเคนใหม่ (mint) มาหมุนเวียนในระบบทุกอาทิตย์ ผ่านการขุดสภาพคล่อง (Liquidity mining) ให้กับผู้ให้บริการสภาพคล่อง (LPs) ซึ่งกลไกนี้จะทำงานจนถึงประมาณปี 2050 ซึ่งเหลือจำนวนโทเคนทั้งหมดประมาณ 96/100 ล้านโทเคน

การจัดสรรโทเคน BAL จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ

  1. Liquidity Providers: สร้างโทเคน (mint) 145,000 BAL ทุกอาทิตย์ หรือปีละ 7,540,000 ในช่วงแรกให้กับผู้ให้บริการสภาพคล่อง LPs โดยมีการโหวต veBAL เพื่อกำหนดการแบ่งส่วนสำหรับการอนุมัติในแต่ละpool  

  2. Founders, Options, Advisors, Investors: มีการจัดสรร 25 ล้านโทเคนมให้กับทีมหลังบ้าน  

  3. Ecosystem Fund: มีการจัดสรร 5 ล้านโทเคนสำหรับ Ecosystem Fund ใช้เพื่อดึงดูดและสร้างแรงจูงใจให้กับ partners เชิงกลยุทธ์ ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ระบบนิเวศของ Balancer เติบโต โดยผู้ถือveBAL จะตัดสินใจว่าจะใช้กองทุนนี้อย่างไรในเวลาถัดไป  

  4. Balancer Labs Fundraising Fund: มีการจัดสรร 5 ล้านโทเคนสำหรับการระดมทุนในอนาคตเพื่อสนับสนุนกิจกรรมและการเติบโตของ Balancer Labs 

Figure 9: Tokenomics 101: Balancer. Initially published on our Substack… | by Florian Strauf | Tokenomics DAO | Medium

รายได้ของ Balancer

รายได้ของ Balancer protocol มาจากการเก็บค่าธรรมเนียม Governable Protocol ซึ่งมีวิธีการเก็บค่าธรรมเนียมจาก 3 แหล่งหลัก ๆ ได้แก่

  1. Swap Fees

    นักแลกเปลี่ยนเหรียญใน Balancer protocol จะต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับนักวางสภาพคล่องและตัวของ Balancer protocol โดยจะเก็บเป็นอัตราส่วนแลกเปลี่ยนเหรียญส่วนหนึ่งซึ่ง แสดงว่ามูลค่าจากการแลกเปลี่ยนจะลดลงทุกครั้งที่มีการแลกเปลี่ยน โดยค่าธรรมเนียมจะถูกเก็บในรูปแบบของประเภทที่นำมากแลกเปลี่ยนเหรียญ เช่น หากนำเหรีญ DAI มาแลกเป็นโทเคน BAL ค่าธรรมเนียมจะถูกจัดเก็บในรูปแบบของ DAI นั่นเอง

  2. Wrapped Token Yield Fees

    • เป็นค่าธรรมเนียมที่ได้รับจากการให้บริการต่าง ๆ โดยเมื่อได้รับกำไร จะถูกบันทึกข้อมูลและถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามอัตราส่วนที่ผู้ให้บริการกำหนด

    • ในการเก็บค่าธรรมเนียมโทเคนที่สามารถสร้างผลตอบแทนขั้นต่ำ 50% ของ Yield Bearing Token

    • ค่าธรรมเนียมบางส่วนจะถูกนำไปวางไว้สำหรับการรองรับสภาพคล่องเพิ่มในพูลที่ถูกสร้างขึ้น

  3. Flash Loan Fees เป็นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม เมื่อมีการกู้เงินแบบ Flash Loan ของผู้กู้เงิน

กลไกการนำรายได้มาบริหารมูลค่าโทเคน (Governable Protocol Fees)

  • 100% ค่าธรรมเนียมโทเคน BAL ที่ถูกเก็บจะถูกนำมาใช้ในการปล่อยให้กับผู้ถือ veBAL 75% และ อีก 25% จะถูกจ่ายให้กับองค์กร

  • โทเคนหรือเหรียญประเภทอื่นๆที่ได้จากค่าธรรมเนียมทั้งหมดจะถูกขายในรูป USDC โดยแบ่งเป็นส่วนต่าง ๆ และถูกนำมาใช้บริหารจัดการ ดังนี้

    • 17.5% ถูกแจกจ่ายให้กับ DAO

    • 32.5% ถูกแจกจ่ายให้กับผู้ถือ veBAL โดยแจกในรูปของการชำระเงิน USDC

    • 50% จะถูกจ่ายให้กับผู้ถือ veBAL ในรูปของแรงจูงใจในการโหวตใน Core Pool

          จากรูปแบบการบริหารรายได้ขั้นต้นจะเห็นว่า จะมีการแบ่งสัดส่วนค่าธรรมเนียมในรูปแบบต่าง ๆ โดยทั้งนี้เนื่องจากระบบไม่มีการทำลายโทเคน (หรือ burn เหรียญ) แสดงว่า ราคามูลค่าของ BAL จะขึ้นอยู่กับกลไกตลาดในการ Mint โทเคน และจำนวนผู้ใช้งานที่มาเข้าร่วมลงทุนในระบบผ่านการสร้างแรงจูงใจการให้ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ แก่ผู้ใช้งาน

กลไกการใช้โทเคนในการกระตุ้นการใช้งานแพลตฟอร์ม

ถึงแม้หน้าที่หลักของ Balancer คือ การอำนวยความสะดวกการวางสภาพคล่องให้กับนักลงทุน แต่ก็มีกลไกทางอ้อมจากการใช้โทเคน BAL ในการกระตุ้นการใช้งานแพลตฟอร์มจากปัจจัยต่างๆ เช่น

  1. การจูงใจให้คนมาใช้งานแพลตฟอร์มมากขึ้นจากผลตอบแทนของการวางสภาพคล่อง(APR)

    • จากที่กล่าวมาข้างต้น นักลงทุนสามารถนำ BALหรือ WETH มาวางสภาพคล่องใน 80/20 BAL/ETH pool และล็อก BPT โทเคน (staking and locking BPT) เพื่อให้ได้ veBAL

    • หากนำ BAL มาวางสภาพคล่อง 80% → ปริมาณโทนเคน BAL ในระบบลดลง → มูลค่าราคา BAL สูงขึ้น → APR% สูงขึ้น เพราะ ได้ผลตอบแทนส่วนใหญ่เป็น BAL → จูงใจให้คนมาวางสภาพคล่องเยอะขึ้น

    • โดยปกติการนำโทเคนธุรกิจของตัวเองมาวางคู่สภาพคล่องมีความเสี่ยงอยู่มาก เพราะ หากนักลงทุนเกิดการถอนเงินจากการวางสภาพคล่องเป็นจำนวนมาก แล้วขาย BAL ก็จะทำให้ → ราคาต่ำลง → APR% ต่ำลง → จูงใจให้คนมาวางสภาพคล่องน้อยลงเช่นกัน แต่ Balancer ได้แก้เกมอย่างชาญฉลาดโดยการคิดค้น Governance token อีกรูปแบบหนึ่งที่ชื่อว่า veBALขึ้นมาก ซึ่งเมื่อนักลงทุนนำ BAL มาวางสภาพคล่องแล้วได้ BPT จะไม่สามารถถอนได้ทันทีเพราะต้องล็อกโทเคนขั้นต่ำ 1 สัปดาห์ถึง 1 ปี ดังนั้น การทำแบบนี้ทำให้ปริมาณโทเคนหรือ supply ในระบบมากเกินไป ราคาจึงไม่ตกลงอย่างรวดเร็วหากเกิดการเทขายเกิดขึ้นนั่นเอง

  2. การจูงใจให้คนมาใช้งานแพลตฟอร์มมากขึ้นจากผลประโยชน์ของการถือโทเคน veBAL

    • ผู้ที่ถือโทเคน veBAL นอกจากจะได้สิทธิในการมีส่วนรวมโหวตแนวทางในการดำเนินธุรกิจของแพลตฟอร์มแล้ว ยังได้ส่วนแบ่งจากค่าธรรมเนียมหลายช่องทาง ดังนี้

      • 75% ของค่าธรรมเนียมโปรโตคอลในรูปแบบของโทเคน BAL

      • 32.5% ของค่าธรรมเนียมที่ถูกจัดเก็บในรูปแบบของเหรียญโทเคนแบบอื่นจะถูกนำมาแลกและแจกจ่ายให้กับผู้ถือ veBAL รูปแบบของ USDC

  3. การจูงใจให้คนมาใช้งานแพลตฟอร์มมากขึ้นจากราคา BAL ที่สูงขึ้น

    • ตามตารางการผลิตโทเคนแบบใหม่ (New Inflation Schedule) ที่มีการลดประมาณการผลิตจะลดลงครึ่งหนึ่ง (halving) ทุกๆ 4 ปี ทำให้ปริมาณโทเคนในอนาคตลดลงเรื่อย ๆ โทเคน BAL จะหายากขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ราคาโทเคนสูงขึ้น ตามหลักเศรษฐศาสตร์ที่กล่าวว่า เมื่อปริมาณอุปทานเพิ่มขึ้นน้อยกว่าอุปสงค์จะทำให้ราคาโทเคน BAL เพิ่มขึ้น

 สรุป
Balancer protocol เป็นโปรโตคอลที่ถูกสร้างขึ้นโดย Balancer Labs เพื่อให้บริการในด้านการแลกเปลี่ยนทรัพย์สินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ (DEX) บนบล็อกเชน Ethereum และ 7 บล็อกเชนอื่น ๆ เป็นนแพลตฟอร์มที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุดได้มีการเปิดตัว Balanver V2 และจะมีการเปิดตัว V3 V4 ในอนาคต โดยมีโทเคน BAL เป็นโทเคนประจำแพลตฟอร์มและ veBAL เป็น Governance token โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนทุกคนมาช่วยกันวางสภาพคล่องได้มากสูงสุดถึง 8 โทเคน และเปิดโอกาสให้ผู้ถือ veBAL หรือ Balancer Governors มีส่วนร่วมในการนำเสนอแนวทางในการพัฒนาแพลตฟอร์มต่อไปได้

คำศัพท์ทางเทคนิค

1.      โอเพนซอร์ซโปรโตคอล(open-source protocol) หมายความว่าโค้ดของ Balancer Protocol ถูกเปิดเผยและเป็นสาธารณะทำให้ผู้ใช้งานสามารถดู, แก้ไข, และนำไปใช้งานได้ตามต้องการ

อ้างอิง

งานเขียนนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา 751471 Economic of DeFi (Decentralized Finance) ซึ่งสอนโดย ผศ.ดร. ณพล หงสกุลวสุ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

งานชิ้นนี้เขียนโดย:

  • 641610007 กมนนิษฐ์ ฐิติพัชร์สาคร

  • 641610177 ทิพยนารี คำชุ่ม

  • 641610526 อภิสิทธิ์ วงศ์แหวน

ECON-CMU