
FTX คืออะไร จากที่ยิ่งใหญ่ทำไมถึงกลายเป็นศูนย์
FTX คืออะไร FTX คือกระดานเทรดคริปโตเคอร์เรนซีแบบผ่านคนกลางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเมื่อ2-3ปีที่แล้ว FTXก่อตั้งในปี 2019 โดย Sam Bankman-Fried อดีตนักเทรดแห่งวอลสตรีท โดย FTX มีทั้งบริการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี ไปจนถึงเป็นตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เรียกได้ว่าเป็นตลาดหลักทรัพย์ขนาดย่อมสำหรับนักเทรดสายคริปโต โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศบาฮามาส และได้รับเงินทุนสนับสนุนจากบริษัทด้านการเทรดชั้นนำหลายแห่ง ในเดือน ก.พ. 2022 มูลค่าของ FTX มีมูลค่ามากถึงเกือบ 32,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 1 ล้านล้านบาท จากการเพิ่มทุน ซึ่งมีนักลงทุนไฮโปรไฟล์อันดับต้น ๆ ของโลกเข้าร่วมลงทุนด้วย เช่น Temasek กองทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ และ Softbank นักลงทุนรายใหญ่จากญี่ปุ่น นอกจากนี้ FTX ยังสร้างชื่อด้วยการเข้าเป็นสปอนเซอร์ทีมแข่ง F1 อย่าง Mercedes และยังดึงนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลชื่อดังเข้ามาร่วมโฆษณาด้วย ในแง่มุมการแข่งขันในธุรกิจตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตด้วยกัน FTX เคยเป็นทั้งพาร์ทเนอร์และเป็นคู่แข่งของ Binance เลยทีเดียว FTX ประกอบด้วยทีมงานสำคัญ 3 คน ได้แก่ […]
FTX คืออะไร
FTX คือกระดานเทรดคริปโตเคอร์เรนซีแบบผ่านคนกลางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเมื่อ2-3ปีที่แล้ว FTXก่อตั้งในปี 2019 โดย Sam Bankman-Fried อดีตนักเทรดแห่งวอลสตรีท โดย FTX มีทั้งบริการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี ไปจนถึงเป็นตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เรียกได้ว่าเป็นตลาดหลักทรัพย์ขนาดย่อมสำหรับนักเทรดสายคริปโต โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศบาฮามาส และได้รับเงินทุนสนับสนุนจากบริษัทด้านการเทรดชั้นนำหลายแห่ง
ในเดือน ก.พ. 2022 มูลค่าของ FTX มีมูลค่ามากถึงเกือบ 32,000 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 1 ล้านล้านบาท จากการเพิ่มทุน ซึ่งมีนักลงทุนไฮโปรไฟล์อันดับต้น ๆ ของโลกเข้าร่วมลงทุนด้วย เช่น Temasek กองทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ และ Softbank นักลงทุนรายใหญ่จากญี่ปุ่น
นอกจากนี้ FTX ยังสร้างชื่อด้วยการเข้าเป็นสปอนเซอร์ทีมแข่ง F1 อย่าง Mercedes และยังดึงนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลชื่อดังเข้ามาร่วมโฆษณาด้วย ในแง่มุมการแข่งขันในธุรกิจตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตด้วยกัน FTX เคยเป็นทั้งพาร์ทเนอร์และเป็นคู่แข่งของ Binance เลยทีเดียว
FTX ประกอบด้วยทีมงานสำคัญ 3 คน ได้แก่ Sam Bankman-Fried, Gary Wang และ Nishad Singh โดย Sam Bankman-Fried คือ CEO คนปัจจุบัน เป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักในโลกคริปโตเคอร์เรนซี อีกทั้งร่วมก่อตั้งบริษัท Alameda Research ซึ่งมีชื่อเสียงด้าน Quantitative Trading
ประวัติ แซม แบงค์แมน-ฟรายด์ เจ้าของ FTX
แซม แบงค์แมน-ฟรายด์ (Sam Bankman-Fried) หนุ่มมาดเซอร์ผู้มาพร้อมกับทรงผมแอโฟร เกิดเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ.1992 ปัจจุบันอายุ 30 ปี เป็นที่รู้จักกันในชื่อย่อ SBF เกิดและเติบโตที่สแตนฟอร์ด รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยทั้งพ่อและแม่เป็นศาสตราจารย์ด้านกฎหมาย จากความชอบด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทำให้ แซม แบงค์แมน-ฟรายด์ เข้าเรียนใน Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT ในสาขาวิชาฟิสิกส์ และได้มีโอกาสฝึกงานเป็นนักพัฒนาโมเดลทางคณิตศาสตร์เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ หรือ Quantitative Trading การฝึกงานในตำแหน่งนี้ เป็นจุดประกายให้เขาตัดสินใจว่าจะเอาดีในด้านนี้และได้เข้าทำงานที่ Jane Street Capital แซม ทำงานอยู่ที่ Jane Street Capital เป็นเวลา 3 ปีจนกระทั่งในปี 2017 แซมเล็งเห็นว่าผู้คนทั่วโลกกำลังให้ความสนใจกับคริปโต (Cryptocurrency) จึงได้ก่อตั้งบริษัท Alameda Research ในปีเดียวกัน โดยจะโฟกัสไปที่สินทรัพย์ดิจิทัลและตลาดคริปโตโดยเฉพาะ
จุดเปลี่ยนสำคัญของ แซม แบงค์แมน-ฟรายด์
จุดเปลี่ยนสำคัญของ แซม แบงค์แมน-ฟรายด์ อยู่ในปี 2019 กับการร่วมก่อตั้งบริษัท FTX ร่วมกับ แกรี่ หวัง (Gary Wang) ซึ่งแซมรับตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีหรือ CTO ได้เริ่มเปิดให้บริการ Exchange ซื้อขายคริปโตในปี2019 และแซมได้ออกแบบให้ FTX เป็นแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายคริปโตด้วยคอนเซปต์ “Built by Traders, for Traders” หรือเป็นกระดานซื้อขายที่สร้างโดยเทรดเดอร์ เพื่อเทรดเดอร์โดยเฉพาะ โดยมีต้นแบบมาจาก League of Legends เกมส์มือถือที่เขาชอบเล่นอยู่บ่อย ๆ
เหรียญ FTT ใช้ทำอะไร
FTT คือเหรียญประจำเครือข่าย FTX Token FTTถูกออกแบบมาด้วยกลไกเน้นเพิ่มอรรถประโยชน์ให้กระดานเทรด กล่าวคือ ผู้ใช้งานจะได้รับเงินคืนและส่วนลดค่าธรรมเนียม รวมถึงทำ Stake เหรียญ FTT เป็นการตอบแทนได้ในกรณีที่แนะนำผู้อื่นเข้ามาใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีส่วนร่วมในการโหวตกฎระเบียบข้อบังคับในกลุ่มผู้ใช้งานด้วยกันเองได้
ทั้งนี้ เหรียญ FTT ก็มีการเผาเหรียญที่ได้จากการเก็บค่าธรรมเนียม เพื่อลดปริมาณและอัตราเฟ้อของอุปทานด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลดีต่อตัวเหรียญเอง
จุดเด่นของ FTX
-สามารถรองรับหลากหลายบริการทางการเงิน เช่น การลงทุนรูปแบบ Futures หรือ Leverage พร้อมได้รับการสนับสนุนจากบริษัทดังด้านคริปโตอย่าง Almeda Research
-ผู้ใช้งานสามารถนำเหรียญ FTT ไปทำการฝากค้ำประกัน (Stake) เพื่อรับผลตอบแทนรูปแบบปันผล
-สามารถถอนเหรียญจากแพลตฟอร์ม FTX โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ส่งผลให้เกิดการใช้งานบริการต่าง ๆ ของแพลตฟอร์มมากยิ่งขึ้น
-ผู้ใช้งานสามารถลิสต์โทเคน NFT (Non-fungible Tokens) บนเครือข่าย FTX Tokenได้ พร้อมซื้อขายบนแพลตฟอร์มได้อย่างง่ายดาย
สาเหตุของการล่มสลาย
การล้มของFTXนั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่ภายใน3-4วัน แต่เกิดจากปัญหาที่สะสมมานานแล้ว ซึ่งมีTimelineดังนี้
-ดีลยักษ์ปี 2022 จุดเริ่มต้นแห่งความสั่นคลอนของ FTX
ช่วงต้นปี2022 FTX ได้มีการระดมทุนเพิ่ม400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในรอบ Series C ที่ Valuation กว่า32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผู้ลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม Venture Capital ขนาดใหญ่ และสถาบันการเงินต่างๆ เช่น SoftBank Temasek Paradigm Tiger Global เป็นต้น ซึ่งดีลนี้เป็นดีลที่ใหญ่มาก จนอาจเกือบใหญ่สุดในโลกของ Web3 เลยก็ว่าได้ ดีลนี้เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ เพราะว่ากองทุนใหญ่ไปทำ Due Diligence ตรวจสอบสถานะกิจการอย่างละเอียด และแกะรอยเงินทุน รายได้ กำไร โครงสร้างบริษัท ได้ทุกซอกทุกมุม ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้มาก
-การขาดทุนอย่างหนักของFTX
ต่อมาเดือนกรกฎาคม ถึง ตุลาคม ช่วงนี้เป็นช่วงที่ FTX เริ่มขาดทุนหนัก และโดนหลายทอด นอกจากจะเจ็บเองแล้ว โบรกเกอร์ที่ FTX เข้าไปซื้ออย่าง Voyager ก็เจ็บหนักเช่นกัน ดังนั้นจึงส่งผลกระทบต่อ Balance Sheet ของ FTX ประกอบกับมีข่าวต่างๆออกมา เช่น การลาออกของ Sam Trabucco อดีต CEO ของ Alameda Research ตั้งแต่ปี2017 และเป็น Keyman ที่ทำให้ธุรกิจเติบโตและทำกำไรมาโดยตลอด
-หลังจากนั้นFTXก็โดนข่าวลือซึ่งเป็นข่าวไม่ดีโหมกระหน่ำเข้ามาอีก ในด้านของคุณธรรม ซึงได้แบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง
FTX มีผลิตภัณฑ์ในแพลตฟอร์มมีข้อสงสัยอาจขัดแย้งกับประเด็นกฎหมายค่อนข้างมาก เช่น การปล่อยกู้ที่ผิดปกติ อย่าง stable coin บน FTX ที่ได้ผลตอบแทนถึง19% และ กรณีที่Sam บริจาคเงินจำนวนมหาศาลให้กับผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งของสหรัฐฯ ซึ่งนักการเมืองเหล่านี้จะเป็นบุคคลที่มีศักยภาพและมีอิทธิพลต่อการออกกฎหมายว่าด้วยการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ ในอนาคต เป็นต้น
ส่วนที่สอง ข้อมูลภายในที่หลุดออกมา
Balance Sheet ของ FTX และ Alamada Research ที่หลุดออกมา เผยให้เห็นถึงทรัพย์สินที่ครอบครองอยู่ ปรากฏว่าส่วนใหญ่เป็นเหรียญ FTT เหมือนเงินที่เสกขึ้นเอง และใช้เงินพวกนั้นมา Leverage Portfolio ทั้งปล่อยกู้ และค้ำประกัน กล่าวคือ เอาโทเคนที่ไม่มีมูลค่าจริงๆ หรือ asset จริงหนุน ไปปล่อยกู้ด้วยมูลค่าที่เกินความเป็นจริง นั่นก็หมายความว่า Valuation ที่ระดมทุนบริษัทไป 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อาจกล่าวได้ว่าเป็น Valuation ปลอม ซึ่งเข้าข่าย Ponzi scheme หรือแชร์ลูกโซ่ นอกจากนี้ยังมีข้อมูลหลุดออกมาอีกว่า ที่แพลตฟอร์ม FTX ขาดสภาพคล่อง เป็นเพราะการนำเหรียญ FTT ไปปล่อยกู้ ปล่อยค้ำ แล้วผลตอบแทน ณ ช่วงเวลานั้นมันขาดทุนหนัก เลยทำให้มีทุนไม่พอ เพราะถูก liquidated หรือโดนบังคับขาย (ชำระบัญชี) ตรงนี้ถือเป็นจุดชนวนที่ทำให้ FTX ล่มสลายในที่สุด
จริงๆ FTX ไม่ได้นำสินทรัพย์ลูกค้าไปใช้ตั้งแต่แรก แต่มันมีเหตุ…
เหตุการณ์ คือ มีบัญชีหนึ่งซึ่งไม่ทราบชื่อว่าเป็นของใคร ได้ทำการโอนเหรียญ FTT มูลค่าประมาน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าไปใน Binance ต่อมา Changpeng Zhao เลยออกมายอมรับว่าเป็นของเขาเอง เขาให้เหตุผลผ่านการทวีตข้อความใน twitter ในทำนองที่ว่า จะไม่สนับสนุนวิธีที่แทงข้างหลังด้วยการเล่นการเมือง ซึ่งข้อความนี้ไปตรงกับชุดข้อมูลที่เป็นข่าวลือตอนแรก จึงเป็นการชี้มูลได้ว่ามันอาจมีความเป็นจริงซ่อนอยู่ เพราะ คนก็เชื่อมั่นเขาอยู่แล้วด้วย หลังจากนั้นคนก็แก่ถอนและขายเหรียญFTTกัน ทำให้ราคาต่ำลงเรื่อยๆจนเหลือแค่3ดอลล่าร์สหรัฐภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่มีเงินพอที่จะซื้อสภาพคล่องเหรียญให้กลับมาดังเดิม ดังนั้นจึงล่มสลายในที่สุด
งานเขียนนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของวิชา 751471 Economic of DeFi (Decentralized Finance) ซึ่งสอนโดย ผศ.ดร. ณพล หงสกุลวสุ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ งานชิ้นนี้ เขียนโดย นาย ภูมินทร์ ชาญประเสริฐ รหัสนักศึกษา 641610371
แหล่งที่มาของข้อมูล: