
Norway Is it the perfect economy?
ประเทศนอร์เวย์เป็นเป็นประเทศที่มี GDP ต่อหัวที่สูงที่สุดในโลกรองจากสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศมีการเกินดุลการค้า แรงงานมีทักษะสูงและมีสัดส่วนของผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่สูงที่สุดแห่งหนึ่ง และมีอัตราการว่างงานต่ำ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่าการทำธุรกิจที่สวิตเซอแลนด์นั้นง่ายมากและสวิตเซอแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก โดยหลังจากหักภาษี ผู้มีรายได้ต่ำสุดในนอร์เวย์ 20%ล่าง ยังคงมีรายได้โดยเฉลี่ยหนึ่งในสี่ของผู้มีรายได้สูงสุดจาก 20% บน ฟังดูเหมือนไม่ค่อยยุติธรรมแต่ลองเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งมีผู้มีรายได้สูงสุดอันดับที่ 5 มีรายได้เป็น 10 เท่าของรายได้ นอร์เวย์มีมาตรการการคุ้มครองคนงานที่แข็งแกร่ง ปัญหาสังคม เช่น การทำงานเป็นเวลานานมาก หรือ ผู้ที่ต้องการทำงานที่สองเป็นงานสำรองเพื่อsupport ตนเอง ดัชนี better life ของ OECD ระบุว่ามีพนักงานเพียง 3% เท่านั้นที่ทำงานในอัตราชั่วโมงที่ยาวนานเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย OECD ที่ 11% หรือค่าเฉลี่ยของสหรัฐอเมริกาที่ 33% สิ่งนี้มีส่วนทำให้คนนอร์เวย์เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก เมื่อก่อนนอร์เวย์ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองขนาดนี้ ในปี 1960 เศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็นการประมง มี GDP ที่ใกล้เคียงกับประเทศด้อยพัฒนา เช่น บังกลาเทศหรือไนจีเรีย ประชากรของประเทศนอร์เวย์ มีจำนวนน้อยกว่าประเทศเหล่านี้มาก และชาวนอร์เวย์ในสมัยนั้นมีคุณภาพชีวิตคล้ายคลึงกับเพื่อนบ้านในแถบยุโรป นอร์เวย์ในปี 1960ยังคงห่างไกลจากการเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ […]
ประเทศนอร์เวย์เป็นเป็นประเทศที่มี GDP ต่อหัวที่สูงที่สุดในโลกรองจากสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศมีการเกินดุลการค้า แรงงานมีทักษะสูงและมีสัดส่วนของผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยที่สูงที่สุดแห่งหนึ่ง และมีอัตราการว่างงานต่ำ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลว่าการทำธุรกิจที่สวิตเซอแลนด์นั้นง่ายมากและสวิตเซอแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก โดยหลังจากหักภาษี ผู้มีรายได้ต่ำสุดในนอร์เวย์ 20%ล่าง ยังคงมีรายได้โดยเฉลี่ยหนึ่งในสี่ของผู้มีรายได้สูงสุดจาก 20% บน ฟังดูเหมือนไม่ค่อยยุติธรรมแต่ลองเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งมีผู้มีรายได้สูงสุดอันดับที่ 5 มีรายได้เป็น 10 เท่าของรายได้ นอร์เวย์มีมาตรการการคุ้มครองคนงานที่แข็งแกร่ง ปัญหาสังคม เช่น การทำงานเป็นเวลานานมาก หรือ ผู้ที่ต้องการทำงานที่สองเป็นงานสำรองเพื่อsupport ตนเอง ดัชนี better life ของ OECD ระบุว่ามีพนักงานเพียง 3% เท่านั้นที่ทำงานในอัตราชั่วโมงที่ยาวนานเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย OECD ที่ 11% หรือค่าเฉลี่ยของสหรัฐอเมริกาที่ 33% สิ่งนี้มีส่วนทำให้คนนอร์เวย์เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก
เมื่อก่อนนอร์เวย์ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองขนาดนี้ ในปี 1960 เศรษฐกิจส่วนใหญ่เป็นการประมง มี GDP ที่ใกล้เคียงกับประเทศด้อยพัฒนา เช่น บังกลาเทศหรือไนจีเรีย ประชากรของประเทศนอร์เวย์ มีจำนวนน้อยกว่าประเทศเหล่านี้มาก และชาวนอร์เวย์ในสมัยนั้นมีคุณภาพชีวิตคล้ายคลึงกับเพื่อนบ้านในแถบยุโรป
นอร์เวย์ในปี 1960ยังคงห่างไกลจากการเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในเดือนพฤษภาคม 1963 เมื่อรัฐบาลนอร์เวย์ยืนยันสิทธิอธิปไตยเหนือทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ทะเลทางตอนเหนือ โดยรัฐบาลบอกว่ามหาสมุทรแถบนี้เป็นของเรา และน้ำมันที่นี่ก็เป็นของเราเช่นกัน ตอนนี้นอร์เวย์เป็นสมาชิกของ NATO ต่อมาในปี 1969 เรือลำหนึ่งชื่อว่า The Ocean Viking ล่มที่ทางตอนเหนือของมหาสมุทร ทำให้น้ำมันและการผลิตน้ำมันในภูมิภาคนั้นก็แตกกระจายเพราะพบน้ำมันจำนวนมากถึง 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน นั่นหมายถึงนอร์เวย์มีสัดส่วนการผลิตน้ำมันต่อหัวมากกว่าประเทศใดๆในโลกนี้ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันพ่ายแพ้ให้เพียงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และซาอุดิอาระเบียเท่านั้น
รัฐบาลนอร์เวย์มีความรอบคอบมากในการจัดการทรัพยากรที่มีจำกัด การที่น้ำมันบูมใครครั้งนั้นทำให้GDP ของนอร์เวย์เติบโตมากกว่าห้าเท่าในปี 1970แต่ความมั่งคั่งที่เพิ่งค้นพบนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นผ่านบริษัทเอกชน เช่น Shell Exxon หรือ BP แต่เป็นบริษัทที่บริหารโดยสาธารณะและเป็นเจ้าของเรียกว่าStatoil ซึ่งหมายความว่ากำไรจากการขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะไม่เข้ากระเป๋าของผู้ถือหุ้นเอกชนแต่เข้ากระเป๋ารัฐบาลโดยตรง ทำให้รัฐบาลชาวนอร์เวย์รวยมาก และใช้จ่ายไปกับการสร้างเมืองและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ จ่ายภาษีน้อยลง คุณภาพชีวิตของคนนอร์เวย์ดูเหมือนจะดี(ในระยะสั้น)แต่ไม่ดี? ในปัจจุบันภาษีรายได้และภาษีธุรกิจในนอร์เวย์ก็ยังคงอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในโลก แต่โชดดีที่รัฐบาลนอร์เวย์ตระหนักได้ว่าน้ำมันไม่ได้อยู่ตลอดไป รัฐบาลจึงนำเงินไปลงทุนกับกระปุกออมสินขนาดใหญ่ หรือเรียกว่า กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ และเป็นกองทุนความมั่งคั่งที่ใหญ่ที่สุดในโลกเอาชนะการลงทุนของรัฐจีน แม้ว่าจะมีอำนาจทางการเมืองมหาศาลที่ทำให้นอร์เวย์มีอิทธิพลต่อบริษัทต่างชาติ มันหมายถึงว่าผลการดำเนินงานของกองทุนไม่ขึ้นกับเศรษฐกิจของนอร์เวย์ ในปี 2017 กองทุนสร้างรายได้มากถึง 131 1,000,000,000ดอลลาร์สหรัฐจากการลงทุนของรัฐบาล คนนอร์เวย์มีงานประจำและนำเงินไปลงทุนในพอร์ตหุ้น นอร์เวย์มีปัญหาเศรษฐกิจบางอย่างในปัจจุบันเข่น มีค่าครองชีพที่สูง มีค่าใช้จ่ายสำหรับการดำรงชีพสูงมากเมื่อเทียบกับค่าจ้าง มีการจ่ายภาษีสูง คนงานชาวนอร์เวย์รายได้เฉลี่ยเดือนละประมาณ 3,200 เหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของสหรัฐ ที่ 2,730 เหรียญสหรัฐต่อเดือน แต่มันก็ไม่ต่างกันมากเพราะนอร์เวย์เป็นประเทศที่ของแพง ถึงแม้ว่าค่าอาหารแพงค่าสาธารณูโภคแพง จ่ายภาษีสูง แต่ก็ทำให้ชาวนอร์เวย์ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นคนไร้บ้านถ้าตกงาน สรุปแล้วนอร์เวย์เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่สมบูรณ์แบบหรือไม่ คำตอบคือไม่ แต่ว่าประเทศนอร์เวย์เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องระบบเศรษฐกิจ เพราะนอร์เวย์ทำสิ่งที่ถูกต้องที่ควรตามโอกาสที่มี
งานเขียนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชา
751309 Macro Economic 2
ซึ่งสอนโดย ผศ.ดร. ณพล หงสกุลวสุ
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เขียนโดย 651610443 สมปรารถนา เดชจรรยา
Picture from: https://www.rand.org/randeurope/research/projects/future-research-innovation-norway.html