
Sam Bankman-Fried’s ผู้ที่เป็นจุดเริ่มต้น และจุดจบของ FTX
Sam Bankman Fried คือใคร? แซมเป็นนักธุรกิจและนักลงทุนทางการเงินที่มีชื่อเสียงในวงการสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) และการเทรดทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ ในโลกทั่วไป นามสกุล “Fried” มีที่มาจากนามสกุลเดิมของเขา “Friedman” ซึ่งเขาได้เลิกใช้ไปในภายหลัง เขาเป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของ FTX Exchange ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่มีชื่อเสียง และเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 2 ของโลก รองจาก Binance นอกจากนี้ เขายังเป็นผู็ก่อตั้งบริษัท Alameda Research ซึ่งเป็นกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีชื่อเสียงอีกด้วย FTX ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มาถึงจุดจบได้อย่างไร ? ปัญหาเริ่มต้นมาจากสื่อคริปโตอย่าง CoinDesk ได้ตีพิมพ์รายงานซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในเวลานั้น แสดงให้เห็นงบดุลของบริษัท Alameda Research ที่เรียกได้ว่า เข้าสู่ขั้นวิกฤตแล้ว เนื่องจากว่า Alameda Research ได้ถือ FTT ซึ่งเป็น Native Token ของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล FTX ไว้มากถึง 70% ของอุปทานทั้งหมด และ 174% […]
Sam Bankman Fried คือใคร?
แซมเป็นนักธุรกิจและนักลงทุนทางการเงินที่มีชื่อเสียงในวงการสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) และการเทรดทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ ในโลกทั่วไป นามสกุล “Fried” มีที่มาจากนามสกุลเดิมของเขา “Friedman” ซึ่งเขาได้เลิกใช้ไปในภายหลัง เขาเป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริหารของ FTX Exchange ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่มีชื่อเสียง และเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลอันดับ 2 ของโลก รองจาก Binance นอกจากนี้ เขายังเป็นผู็ก่อตั้งบริษัท Alameda Research ซึ่งเป็นกระดานเทรดสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีชื่อเสียงอีกด้วย
FTX ที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ มาถึงจุดจบได้อย่างไร ?
ปัญหาเริ่มต้นมาจากสื่อคริปโตอย่าง CoinDesk ได้ตีพิมพ์รายงานซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากในเวลานั้น แสดงให้เห็นงบดุลของบริษัท Alameda Research ที่เรียกได้ว่า เข้าสู่ขั้นวิกฤตแล้ว เนื่องจากว่า Alameda Research ได้ถือ FTT ซึ่งเป็น Native Token ของแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล FTX ไว้มากถึง 70% ของอุปทานทั้งหมด และ 174% ของอุปทานหมุนเวียน เมื่อ CoinDesk รายงานว่า Alameda Reseach และ FTX นั้นก่อตั้งโดย “แซม แบงค์แมน-ฟรีด์” หรือ SBF ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลกันอย่างมากว่าบริษัท Alameda Research ไม่ได้เป็นอิสระแต่กลับยึดโยงอยู่กับ FTX
ในช่วงเดียวกันนี้บริษัท Binance ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของ FTX ได้ประกาศออกมาว่าจะเทขาย FTT ที่เป็น Native coin ของ FTX ทั้งหมด ซึ่งตนเองได้รับมาจากการลงทุนในFTX เมื่อปี 2021 โดยที่จะไม่ให้กระทบกับตลาดการลงทุน
หลังจากนั้นไม่กี่วัน FTX ได้ประกาศระงับไม่ให้ผู้ใช้สามารถถอนเงินออกมาจาก Exchange ได้ สิ่งนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรก ว่าบริษัทกำลังเดินหน้าเข้าสู่การล่มสลายแล้ว โดยอีกสาเหตุที่สำคัญก็คือได้มีรายงานจากรอยเตอร์ส ว่าแซมได้สร้างโค้ดแฝงในบัญชี FTX ซึ่งทำให้เขาสามารถแก้ไขบันทึกเส้นทางการเงินของบริษัทโดยไม่สามารถตรวจสอบได้ และนำเงินของลูกค้าไปใช้บริหารงานในบริษัทลูกอย่าง Alameda Research กว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในจำนวนนี้ 1,000 ล้านเหรียญได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
และในที่สุด FTX ก็ล้มละลายลง แซมได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าทั้งหมดมาจากการที่เขาบริหารงานผิดพลาด แต่ไม่ได้มีการฉ้อโกงใดๆเกิดขึ้น
แต่ในเวลาต่อมาแซมได้ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2022 ซึ่งปิดตำนานของเขาและ FTX ลง จากเหตุการณ์ครั้งนี้ FTX เปิดเผยว่า บริษัทมีเจ้าหนี้มากกว่า 50 แห่ง ด้วยจำนวนเงินมากกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 107,000 ล้านบาท
แหล่งข้อมูล: https://cryptopotato.com/the-fall-of-sam-bankman-frieds-crypto-empire-a-timeline-of-ftxs-collapse/
https://th.investing.com/news/cryptocurrency-news/article-97110
งานเขียนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชา
751471 Economic of DeFi (Decentralized Finance)
ซึ่งสอนโดย ผศ.ดร. ณพล หงสกุลวสุ
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
งานชิ้นนี้ เขียนโดย
คัมภีรภาพ เพ็ญอัมพร 641610059